3 เคล็ดลับวิ่งอย่างไรไม่ให้ส่งผลกระทบต่อร่างกาย

ถึงแม้ว่ากีฬาวิ่งจะเป็น หนึ่ง ในกิจกรรมที่กำลังมาแรงและเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากก็ตามในสมัยปัจจุบันนี้แต่รู้หรือไม่ว่าการที่เราหักโหมกับการวิ่งมากจนเกินไปหรือหากเราวิ่งหนักมากจนเกินไปนั้นก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของเราได้เช่นกัน

เพราะถึงแม้ว่าหากเราวิ่งเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอจะสามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกาย หรือช่วยป้องกันการเกิดโรคร้ายบางโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่ในขณะเดียวกันนั้นหากเราวิ่งไม่เหมาะสมหรือวิ่งมากจนเกินไปก็อาจเป็น หนึ่ง ในปัจจัยสำคัญที่เป็นการทำลายสุขภาพร่างกายของเราทางอ้อมก็ได้ ฉะนั้นเราจะเห็นได้ว่าในสมัยปัจจุบันนี้หลายคนเริ่มที่จะหันมาให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายหรือการเล่นกีฬา

ด้วยการวิ่งกันอยู่เสมอเพราะเป็นกิจกรรมที่เล่นง่ายเล่นได้ตลอดเวลาสามารถเล่นได้ทุกเพศทุกวัย ฉันยังมีประโยชน์ดีๆต่อสุขภาพร่างกายของเราได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่อยากออกไปวิ่งแต่ก็กลัวว่าการวิ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายหรืออาจทำให้เราเกิดอาการบาดเจ็บได้ ซึ่งก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปเพราะวันนี้เราจะมาแนะนำเคล็ดลับง่ายๆที่จะช่วยให้คุณนั้นวิ่งอย่างไรไม่ให้ส่งผลกระทบและ ลดอาการบาดเจ็บจากการวิ่งไปดูกันเลย

  • หลีกเลี่ยงการวิ่งขึ้นลงเนิน

แน่นอนว่าการที่เราวิ่งในบริเวณที่ไม่เหมาะสมหรืออาจจะเป็นบริเวณทางเนิน จะยิ่งทำให้การวิ่งนั้นส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของเราได้ซึ่งอาจจะทำให้เราได้รับบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อ หรือขา รวมไปจนถึงส่วนอื่นๆของร่างกาย ฉะนั้นเพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาวิ่งทางที่ดีเราควรที่จะหลีกเลี่ยงการวิ่งบริเวณเนิน และควรวิ่งบริเวณพื้นที่ราบ เพื่อให้การวิ่งนั้นเกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพ

  • การวิ่งเหยาะๆ

รู้หรือไม่ว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้การวิ่งมีประสิทธิภาพและลดโอกาสเสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บนั่นก็คือ การที่เราวิ่งในปริมาณที่เหมาะสมและพอดีไม่ควรวิ่งนานหรือมากจนเกินไป รวมถึงไม่ควรวิ่งเร็วเพราะอาจจะทำให้กล้ามเนื้อของเราทำงานหนักจนเกิดการอักเสบได้ ฉะนั้น การที่เราวิ่งเหยาะเหยาะ หรือวิ่งเบาๆ ถือเป็น หนึ่ง ในปัจจัยสำคัญที่นอกจากจะทำให้ร่างกายของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วยังช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บได้อีกด้วย

  • การเลือกรองเท้าก็เป็นสิ่งสำคัญ

อย่างที่เราทราบกันดีว่ากีฬาในแต่ละประเภทนั้นนอกจากจะมีรูปแบบในการเล่นที่แตกต่างกันออกไปอุปกรณ์ในการเล่นหรืออุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬาวิ่งที่เราจำเป็นจะต้องเลือกรองเท้าที่มีความเหมาะสมกับกีฬาให้มากที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาแล้วยังทำให้การเล่นกีฬานั้นมีประสิทธิภาพได้มากที่สุด

 

ได้รับการสนับสนุนจาก    เครื่องช่วยฟัง

3 ปัญหาสุขภาพที่เหล่าคนทำงานต้องระวัง

ปัญหาสุขภาพที่เหล่าคนทำงาน หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า วัยทำงานส่วนใหญ่ใช้เวลาทำงานกันไปแล้ว 8 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะทำงานหนัก เนื่องจากมีภาระหน้าที่ต่าง ๆ

ที่ต้องรับผิดชอบ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำงานหนัก ซึ่งแน่นอนว่าการที่เราทำงานหนักมากเกินไป หรือให้ความสำคัญกับการทำงานมากกว่าการดูแลสุขภาพร่างกาย ถือเป็นสิ่งที่อาจทำให้ร่างกายของเรานั้นได้รับผลกระทบอย่างหนักได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ หรืออาจทำให้ร่างกายอ่อนแอได้ง่ายนั่นเอง ดังนั้น การดูแลสุขภาพร่างกายของตนเอง

เครื่องช่วยฟัง  ให้ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าเราจะทำงานหนักมากแค่ไหนก็ไม่ควรที่จะปล่อยละเลยการดูแลสุขภาพร่างกาย อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่ทำงานหนักเกินไป พักผ่อนน้อย ขาดการออกกำลังกาย

วันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูกันว่าปัญหาสุขภาพที่เหล่าคนทำงานต้องระวังนั้นจะมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลย 

  • ปัญหาออฟฟิศซินโดรม

เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในปัญหาที่พบเจอได้บ่อยมาก ๆ เพราะปกติแล้วคนส่วนใหญ่มักที่จะมีพฤติกรรมการนั่งทำงานนานเกินไป ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกาย จนทำให้กล้ามเนื้อภายในร่างกายเกิดการเกร็งนั่นเอง รวมไปถึงบริเวณต้นคอ หลัง ไหล่ นิ้วมือ รวมไปถึงส่วนอื่น ๆ ของร่างกายอีกด้วย ซึ่งหากเรามีพฤติกรรมนี้บ่อย ๆ จะยิ่งทำให้ร่างกายของเราได้รับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมนั่นเอง 

  • ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร

เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เหล่าคนทำงานมักที่จะพบเจอกันอยู่บ่อย ๆ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่นั้นอาจเกิดขึ้นจากความเครียด การรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา หรือการรับประทนอาหารไม่ตรงเวลา จนส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้ทำงานผิดปกติ หรือที่เรารู้จักกับคือ อาการเครียดลงกระเพาะนั่นเอง เพราะอาการนี้จะเป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นจากการหลั่งน้ำย่อยออกมามากกว่าปกติ จนส่งผลให้กระอาหารของเราเกิดการระคาบเคืองนั่นเอง 

  • ปัญหาภาวะซึมเศร้า

เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้ มักที่จะมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้ากันค่อนข้างเยอะ เพราะปัญหาเกี่ยวกับจิตเวชเป็นหนึ่งในปัญหาที่คุกคามวัยทำงานกันอยู่บ่อย ๆ และสาเหตุที่ทำให้วัยทำงานเสี่ยงนั้นก็อาจจะเป็นเพราะว่า ความเครียด การมีสารเคมีในสมอง การเกิดขึ้นจากพันธุกรรม รวมไปถึงลักษณะนิสัยส่วนตัวอีกด้วย

ขอบอกเลยว่าหากใครที่กำลังมีพฤติกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นกับตนเองอยู่บ่อย ๆ ขอบอกเลยว่านี่เป็นหนึ่งในสัญญาณที่อาจบอกได้ถึงการเป็นภาวะซึมเศร้า ทางที่ดีควรรีบเข้ารับการรักษาโดยด่วนเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อร่างกาย

3 เทคนิคการกินผลไม้อย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด

ในสมัยปัจจุบันนี้นอกจากการเลือกรับประทานอาหารจะมีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตที่สามารถเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกายของเราได้เป็นอย่างดีแล้ว รู้หรือไม่ว่าการเลือกรับประทานผลไม้ให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้นก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เราไม่ควรมองข้ามเช่นกัน

เทคนิคการกินผลไม้ เพราะในสมัยปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่มักที่จะมีพฤติกรรมการทำลายสุขภาพร่างกายของตนเอง

โดยไม่รู้ตัวบางคนอาจใช้ชีวิตเต็มที่ไปกับการทำงานจนไม่มีเวลาดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองอย่างเต็มที่ ซึ่งอาจจะทำให้ร่างกายของเรานั้นอ่อนแอได้ง่ายและเสี่ยงจากการเป็นโรคร้ายต่างๆได้ง่ายมากขึ้น ฉะนั้น การที่เราดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดีอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด

ไม่ว่าจะเป็นทั้งการเลือกรับประทานอาหาร การออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นการทำงานของร่างกายรวมไปถึงการเลือกรับประทานผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ฉะนั้น สำหรับใครที่ชื่นชอบการทานผักหรือผลไม้กันเป็นประจำอยู่แล้ว

วันนี้เราก็มีเทคนิคง่ายๆมาแนะนำสำหรับการรับประทานผลไม้อย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุดแก่ร่างกายของเรา จะมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลย

1.การรับประทานผลไม้ช่วงเช้า

เนื่องจากการใช้ชีวิตของคนส่วนใหญ่เต็มไปด้วยการเร่งรีบ ซึ่งบางคนอาจจะเร่งรีบไปทำงานตั้งแต่เช้าจำเป็นที่จะต้อง งดการรับประทานอาหารเช้าซึ่งรู้หรือไม่ว่ามื้อเช้านั้นถือเป็นมื้อที่มีความสำคัญต่อร่างกายเป็นอย่างมาก หากเราเลือก ที่จะไม่รับประทานอาหารก็ควรที่จะเลือกผลไม้ดีๆให้แก่ร่างกาย เพื่อ  เครื่องช่วยฟัง   เป็นการเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกายได้ใช้ในระหว่างวันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น สับปะรด กีวี สตรอเบอรี่ รวมไปถึงแอปเปิ้ลเองก็ตามซึ่งเป็นผลไม้ที่เราควรเลือกทานในตอนเช้ามากๆเพราะมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเรานั่นเอง

2.การรับประทานผลไม้ในช่วงกลางวัน

แน่นอนว่าในระหว่างวันคนส่วนใหญ่มักจะมีอาการง่วงจึงทำให้หลายๆคนมักที่จะมองหาอาหารว่างเพื่อ เพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกายและทำให้ร่างกายของเรานั้นรู้สึกสดชื่นในระหว่างวันได้ เพิ่งอนุมัติที่เราควรเลือกทานในระหว่างวันนั้นก็ควรจะเป็น กล้วยหรือมะม่วง ซึ่งผลไม้ชนิดนี้เรียกได้ว่าเป็นผลไม้ที่เราควรผ่านในระหว่างวันเป็นอย่างมากเพราะมีประโยชน์แถมยังทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่นอีกด้วย

3.การรับประทานผลไม้ช่วงเย็น

แน่นอนว่าในช่วงมื้อเย็นนั้นถือเป็นมื้อที่คนส่วนใหญ่มักที่จะอดอาหารเพียงเพราะไม่อยากให้ตัวเองนั้นอ้วนแต่รู้หรือไม่ว่าการที่เรางดอาหารเย็นไม่ได้ทำให้เราพร้อมเสมอไปซึ่งทางที่ดีควรที่จะเพิ่มสารอาหารให้แก่ร่างกายโดยเฉพาะการเลือกรับประทานอาหาร หรือการทานผลไม้ พวกอะโวคาโด หรือผลไม้ที่สามารถช่วยเผาผลาญไขมันและมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้เพราะผลไม้เหล่านี้นอกจากจะมีประโยชน์ต่อร่างกายได้แล้วยังไม่ทำให้เราอ้วนได้อีกด้วย

เครื่องชั่งน้ำหนักที่ดีที่สุดในปี 2023

เป็นการทดสอบโดยเทรนเนอร์ที่ผ่านการรับรอง ถ้าหากคุณเกินกำหนดสำหรับการอัปเกรดแท่นพิมพ์ Bulgarian Split squats และอื่นๆ คุณสามารถทำอะไรได้มากมายด้วยเครื่องยกน้ำหนักธรรมดา ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ออกกำลังกายที่บ้านที่มีประโยชน์หลากหลายที่สุดที่คุณสามารถมีได้ การออกกำลังกายประเภทต่างๆ ที่ใช้ม้านั่งมีจำนวนมาก

เครื่องชั่งน้ำหนักที่ดีที่สุดในปี 2023 คุณสามารถออกกำลังกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายโดยใช้ม้านั่งเป็นฐาน แน่นอน คุณสามารถใช้เครื่องมือนี้ได้มากกว่า

แค่คลาสสิกที่มีชื่อของมัน เช่น แท่นกด และคุณควร ตามที่ Men’s Health Fitness Director และผู้ฝึกสอนที่ผ่านการรับรอง Ebenezer Samuel, C.S.C.S. กล่าวว่า “ม้านั่งยกน้ำหนักช่วยให้คุณทำได้ทุกอย่าง เช่น ท่าบริหารหน้าอก ท่ายกน้ำหนักดัมเบล ท่ายกน้ำหนักแบบเอนเอียง ท่ากดหัวกะโหลก สะพานก้น ท่าเอียงหลัง หน้าท้อง การเคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวสี่ส่วนและขา เช่น ท่าสควอทแยก และการเคลื่อนไหวของลูกหนูมากกว่าที่คุณจะจินตนาการได้”

เราได้ทดสอบเครื่องชั่งน้ำหนักหลายสิบรุ่นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่รุ่นระดับไฮเอนด์ เกรดเชิงพาณิชย์ ไปจนถึงรุ่นราคาประหยัด

กระบวนการทดสอบที่ครอบคลุมของเราเกี่ยวข้องกับการประเมินที่ครอบคลุมของปัจจัยหลายอย่าง รวมถึงขนาด ความทนทาน ประสิทธิภาพ ความเหมาะสมสำหรับระดับการออกกำลังกายที่แตกต่างกัน และความคุ้มค่า เพื่อให้แน่ใจว่าเราแนะนำเฉพาะสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น เราทดสอบม้านั่งยกน้ำหนักแต่ละแบบผ่านกิจวัตรการออกกำลังกาย

ซึ่งรวมถึงการเคลื่อนไหวแบบราบและแบบปรับได้ ครอบคลุมการเคลื่อนไหวและสถานการณ์การใช้งานที่หลากหลาย ในการพิจารณาความมั่นคงและความสมบูรณ์ของโครงสร้าง เราได้ทดสอบม้านั่งทั้งที่สะดวกสบายและรับน้ำหนักได้ใกล้เคียงสูงสุด ทำให้เราสามารถประเมินประสิทธิภาพการทำงานภายใต้น้ำหนักบรรทุกที่แตกต่างกันได้

เพื่อรวบรวมมุมมองที่หลากหลาย เราได้ปรึกษากับคณะกรรมการที่ปรึกษา MH และผู้ฝึกสอน Strength in Diversity ซึ่งให้ข้อเสนอแนะอันมีค่าเกี่ยวกับแท่นวางน้ำหนักชั้นนำตามความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของพวกเขา

นอกเหนือจากการออกกำลังกายขั้นพื้นฐานแล้ว ยังมีประโยชน์มากมายในการเพิ่มม้านั่งยกน้ำหนักในยิมที่บ้านของคุณ

สิ่งสำคัญที่สุดคือมันสามารถช่วยให้คุณทุบลิฟต์ของคุณได้ นอกจากนี้ ม้านั่งยังใช้พื้นที่ไม่มากเท่ากับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ชั้นวางพลังงานขนาดใหญ่และหนัก และเนื่องจากปรับได้หลายแบบ คุณจึงเปลี่ยนโฟกัสเพื่อเปลี่ยนมุมในการกดได้อย่างง่ายดายไม่ว่าคุณจะชอบยกน้ำหนักด้วยดัมเบลหรือบาร์เบล ทั้งสองอย่างก็เข้ากันได้ (พูดถึงดัมเบล หากคุณอยู่ในตลาดสำหรับเซ็ตใหม่

นี่คือดัมเบลแบบปรับได้ที่เป็นตัวเอกของเรา 9 เซ็ต) นอกจากนี้ แท่นวางน้ำหนักหลายรุ่นยังมีอุปกรณ์เสริมและคุณสมบัติที่ซ่อนอยู่ซึ่งช่วยให้ออกกำลังกายได้หลากหลาย เช่น ผู้พัฒนาขาหรือแร็คหมอบ เราได้รวบรวมม้านั่งยกน้ำหนักที่ดีที่สุดเพื่อช่วยยกระดับการฝึกซ้อมและโฮมยิมของคุณไปอีกขั้น คุณไม่สามารถผิดพลาดกับ 11 ม้านั่งเหล่านี้ได้

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟัง

คาเฟอีนกับผลเสียต่อร่างกาย    

          ตอนทำงานเวลาที่คุณรู้สึกง่วงคุณคิดถึงเครื่องดื่มอะไรเป็นอันดับแรก เชื่อว่าทุกคนต้องตอบออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่าดื่มกาแฟ เพราะหลังจากที่คุณดื่มกาแฟเข้าไปสักพักสมองคุณก็จะตื่นตัวและกระปี้กระเปร่าแล้วก็มีแรงทำงานต่อ ที่มันเป็นเช่นนี้ก็เพราะว่ากาแฟที่เรากินเข้าไปมีสารคาเฟอีน ซึ่งสารคาเฟอีนนี่แหละที่ออกฤทธิ์ไปกระตุ้นการทำงานของสมอง ทำให้ระบบประสาทตื่นตัว แต่ใช่ว่าคาเฟอีนจะมีแต่ในกาแฟอย่างเดียว มันยังมีส่วนผสมอยู่ในชา น้ำอัดลม แม้แต่ขนมหรือไอศครีมอีกด้วย   

         คาเฟอีนจัดเป็นสารเคมีชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นผงสีขาว รสชาติขม สามารถละลายได้ดีในน้ำ คุณสมบัติพิเศษของคาเฟอีนก็คือการออกฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของสมอง ทำให้หลอดเลือดขยายและขับปัสสาวะออกมาได้ง่าย ถ้าร่างกายได้รับคาเฟอีนขณะที่ท้องว่างมันจะถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือดอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่เกิน 30 นาที และยังคงออกฤทธิ์อยู่ในร่างกายเราประมาณ 3- 6 ชั่วโมง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายได้รับปริมาณคาเฟอีนมากจนเกินไปย่อมส่งผลกระทบต่อชีวิตของเรา โดยผลเสียที่เกิดขึ้นกับร่างกายของมนุษย์เราได้แก่

  1. ผลเสียต่อสมอง เนื่องจากคาเฟอีนเป็นสารที่กระตุ้นสมองของเราอยู่แล้ว เมื่อดื่มเข้าไปผู้ดื่มจะรู้สึกไม่ง่วงนอนและตื่นตัวอยู่เสมอ แต่ถ้าได้รับในปริมาณมากจนสมองทำงานหนัก ทำให้เกิดภาวะความเครียด มีอาการมือสั่น กระวนกระวาย และปวดหัว 
  2. ผลเสียต่อระบบไหลเวียนของเลือด เมื่อร่างกายได้รับคาเฟอีนจะไปกระตุ้นให้มีการหลั่งสารอะดรีนารีนมากขึ้น

หลอดเลือดขยาย เกิดภาวะหัวใจเต้นเร็ว มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูง

  1. ผลเสียต่อระบบทางเดินอาหาร เมื่อดื่มชาหรือกาแฟลงไปในกระเพาะอาหารแล้ว คาเฟอีนจะเป็นตัวเร่งให้มีการผลิตกรดและน้ำย่อยในกระเพาะอาหารออกมาเยอะขึ้น ดังนั้นผู้ป่วยที่มีแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เนื่องจากจะทำให้แผลในกระเพาอาหารเกิดความระคายเคืองมากยิ่งขึ้น
  2. ผลเสียต่อการนอน เมื่อตกกลางคืนเราจะไม่รู้สึกง่วงนอนหรือมีอาการนอนไม่หลับ ทำให้เวลานอนที่ปกติเราควรนอนให้ถึงวันละ 6-8 ชั่วโมง ลดลง เช้าตื่นขึ้นมาเมื่อเราพักผ่อนไม่เพียงพอสมองก็เฉื่อยชา ไม่กระชุ่มกระชวย 
  3. ผลเสียต่อกระดูก เนื่องจากคาเฟอีนมีฤทธิ์ต่อการขับปัสสาวะ เมื่อเราดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเข้าไปมากๆเราก็จะปัสสาวะออกมากขึ้น จึงทำให้เราขาดแคลเซียม เป็นโรคกระดูกพรุนหรือเปราะบางได้ง่าย  เพราะโดยปกติแล้วแคลเซียมในร่างกายมนุษย์จะถูกขับออกมาพร้อมกับปัสสาวะ ดังนั้นเมื่อเราปัสสาวะออกมามากเท่าไรแคลเซียมก็จะถูกขับออกมามากตามไปด้วย

  เพราะฉะนั้นเมื่อเรารู้ถึงผลเสียที่มีมากขนาดนี้แล้ว  เราก็ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีนมากเกินไป เพื่อเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกายควรหันมาดื่มนมหรือน้ำผักผลไม้แทนก็จะดีกว่าคะ

 

สนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟัง

เครื่องช่วยฟัง

เครื่องช่วยฟังสามารถทำให้คนที่มีปัญหาทางการได้ยินเสียงใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นจริงหรือไม่

               ในปัจจุบันของคนเราทุกคนเริ่มมีการใช้หูตั้งแต่ตื่นนอนขึ้นมา ชีวิตในแต่ละวันของแต่ละคนมีการดำเนินชีวิตที่ต่างกันแต่สิ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่งก็คือการใช้หูเพื่อให้ได้ยินเสียง เริ่มตั้งแต่บางคนตื่นเช้าคนมาด้วยเสียงของนาฬิกาปลุกหรือบางคนตื่นขึ้นมาเพื่อต้องให้คนในครอบครัวปลุก เช่น พ่อหรือแม่ แต่บางคนก็ตื่นเช้าขึ้นมาเพราะเสียงธรรมชาติปลุก เช่น เสียงนกร้องหรือเสียงไก่ขัน

จะเห็นได้ว่าเพียงแค่เริ่มลืมตาตื่นคนเราก็มีความจำเป็นต้องใช้หูเพื่อช่วยให้การดำเนินชีวิตง่ายยิ่งขึ้น และหากเราทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่นมีความต้องการดูหนัง ฟังเพลง หรือแม้แต่ต้องการสนทนากับคนในครอบครัว ลองนึกสิว่าหากหูเราไม่สามารถได้ยินเสียงเหล่านั้น หรือได้ยินแต่เสียงเบามากฟังไม่ค่อยชัดว่าอีกฝั่งต้องการสื่อสารถึงอะไร จะมีผลกับชีวิตของเรามากแค่ไหน 

ผลกระทบอย่างแรกหากหูเราไม่ค่อยได้ยินเสียงคือผลกระทบทางด้านจิตใจ

หากเราต้องรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองมีปัญหา มีความรู้สึกแปลกแยกกว่าคนอื่น การใช้งานร่างกายในส่วนของหูไม่ได้ประสิทธิภาพ รู้สึกถึงความเป็นภาระของตนเองที่มีต่อคนให้มาต้องคอยพูดกับเราซ้ำๆหรือพวกเขาต้องหาวิธีการที่จะสื่อสารกับเราที่ได้ยินเสียงไม่ชัดให้รู้เรื่องมันจะมีผลทำให้เรารู้สึกแย่กับสิ่งเหล่านี้มากแค่ไหน 

หากเรามองไปทางไหนก็เห็นผู้คนคุยกันและยิ้มให้กันอย่างมีความสุข แต่เราไม่สามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของความสุขนั้นว่ามาจากอะไร สิ่งเหล่านี้จะมีโดยตรงต่อภายในจิตใจของคนที่มีปัญหาทางหูพวกเขาจะรับรู้ถึงความแตกต่าง

           ผลกระทบอย่างที่สองคือการเข้าสังคม  สำหรับคนที่มีปัญหาการได้ยินเสียง จะเริ่มรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างตัวเองและคนอื่นๆ ทำให้เริ่มที่จะเข้าสังคมน้อยลง พยายามที่จะปลีกตัวออกมาอยู่คนเดียว เพราะกลัวว่าคนอื่นจะรำคาญตัวเองที่มีปัญหา ซึ่งผลที่ตามมาอาจให้คนที่มีปัญหาทางการได้ยินป่วยเป็นโรคซึมเศร้าได้

         นี่เป็นเพียงผลกระทบส่วนน้อยที่ตัวอย่างมาก และหากคนที่มีปัญหาทางการได้ยินเสียงมี เครื่องช่วยฟัง มาคอยช่วยแก้ปัญหาเรื่องการได้ยินได้ พวกเขาสามารถเข้าสังคมและคุยกับคนอื่นได้อย่างปกติ ฟังคนอื่นรู้เรื่องปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นก็จะไม่เกิดขึ้น ซึ่งหลายคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยิน เมื่อมาใช้ เครื่องช่วยฟัง ต่างก็บอกว่าพวกเขาไม่ได้รับรู้ถึงความแตกต่างระหว่างเขากับคนอื่นอีกเลย