ทานมื้อดึกอย่างไรไม่ให้อ้วน 

เชื่อว่าหลายคนคงเคยเป็นกันนั่นก็คือถ้าหากว่านอนดึกเมื่อไหร่จะรู้สึกว่ามีความหิว และอยากอาหารทันทีที่สำคัญถ้าหากว่าไม่ได้กินก็จะทำให้รู้สึกว่านอนไม่หลับและกระสับกระส่ายยิ่งถ้าหากใครก่อนนอนมีการเปิด Twitter หรือ Facebook หรือแม้แต่ติ๊กต๊อกที่มีการโพสต์อาหารเยอะๆรับรองได้เลยว่าคุณจะไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้อย่างแน่นอนดังนั้นในบทความนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการดีๆ

หากใครจำเป็นที่จะต้องมีการกินอาหารเป็นมื้อดึกต้องกินอย่างไรถึงจะทำให้เรานั้นไม่อ้วน 

อย่างที่เรารู้กันดีว่าการที่เราจะทานอาหารเพื่อไม่ให้ตนเองนั้นอ้วนก็คือการที่จะต้องกินอาหารเย็นก่อน 6 โมงเย็นและควรจะต้องมีการเว้นระยะหลังจากที่กินอาหารแล้วประมาณ 4-6 ชั่วโมง

เราถึงจะนอนได้ซึ่งวิธีการนี้เป็นวิธีการดูแลสุขภาพร่างกายที่ถูกต้องแต่ในความเป็นจริงแล้วคนเราไม่สามารถที่จะทำตามตารางต่างๆได้แบบเป๊ะๆนั่นก็เพราะว่าบางครั้งในช่วงเวลา 4 โมงเย็นถึง 5 โมงเย็นนั้นยังเป็นช่วงเวลาที่เรายังคงต้องทำงานอยู่และไม่สามารถที่จะหาเวลาไปรับประทานอาหารเย็นได้

ในขณะเดียวกันเราอาจจะต้องทานอาหารช่วงเวลาประมาณ 2-3 ทุ่มหลังจากนั้นเราไม่สามารถที่จะทิ้งช่วงไว้นาน 4-6 ชั่วโมงถึงจะสามารถนอนได้เพราะมันจะดึกเกินไปแน่นอนว่าบางคน

จึงมีเหตุผลที่จะต้องทานมื้อดึกดังนั้นสิ่งที่จะทำให้เราทานมื้อดึกแล้วทำให้เรานั้นยังไม่อยู่ในสภาวะของคนที่กลายเป็นคนอ้วนก็คือเราจะต้องมีการเลือกรับประทานอาหารนั่นก็คือหากเรากินอาหารในช่วงเวลาเย็นหรือทานมื้อดึกนั้นอาหารที่เราทานเข้าไปนั้นส่วนผสมหลักควรจะต้องเป็นผักและอาหารประเภทโปรตีนจากเนื้อสัตว์

ซึ่งเราสามารถที่จะทานเป็นสเต็กและผักสลัดได้โดยสเต็กนั้นให้เลือกเป็นสเต็กเนื้อหมูไม่มีไขมันปนหรือจะเป็นสเต็กเนื้อปลาก็ได้เช่นเดียวกันเพราะการที่เราทานผักและเนื้อสัตว์ก็จะช่วยทำให้ร่างกายของเราสามารถย่อยง่ายและทำให้เราอิ่มได้ง่ายอีกด้วย 

นอกจากนี้    ทัวร์คาสิโนเวียดนาม     หากใครก็ตามที่ไม่สามารถที่จะควบคุมที่จะต้องกินเฉพาะผักและเนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียวได้อาจจะต้องมีการทานแป้งเข้าไปเช่นอาจจะต้องทานข้าวร่วม

ด้วยนั้นเรามีเคล็ดลับดีๆมาฝากที่จะเพิ่มประสิทธิภาพที่ทำให้การทานอาหารมื้อดึกนั้นมีคุณภาพและไม่ทำให้อ้วน ซึ่งเช็คง่ายๆก็คือการที่เราไม่ต้องเคี้ยวอาหารเร็วมากจนเกินไปการที่เราค่อยๆเคี้ยวข้าวจะทำให้เรากินข้าวในปริมาณที่น้อยลงเพราะว่าจะทำให้เรานั้นรู้สึกอิ่มนั่นเอง

อย่างไรก็ตามถ้าหากว่าใครเคี้ยวอาหารเร็วมากจนเกินไปหรือแม้แต่จดจ่อเกี่ยวกับเรื่องของการกินมาก ซึ่งมันจะส่งผลทำให้ร่างกายได้รับปริมาณอาหารที่มากจนเกินไปและทำให้เกิดภาวะความอ้วนสะสมได้นั่นเอง 

ผนังห้องครัว และผิวด้านบนเคาน์เตอร์ครัวควรเป็นแบบใดเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน

นอกจากนี้แล้วยังควรให้ความใส่ใจกับทั้ง ฝาผนังห้องครัว ซึ่งควรจะเป็นสิ่งที่ต้องทนความร้อนได้ ทนน้ำหรือความชื้นได้ อีกทั้งจำเป็นที่จะต้องสามารถทำความสะอาดได้ง่ายด้วย เนื่องจากการทำกับข้าวก็มักจะมีการกระเด็นของน้ำแกง น้ำผัด หรือเศษคราบอาหารต่าง ๆ การเลือกสิ่งต่าง ๆ

ในห้องครัวยังรวมไปถึงผิวบนเคาน์เตอร์ ซึ่งจะต้องเป็นพื้นที่สำหรับจัดเตรียมจัดวางวัตถุดิบประกอบอาหาร อุปกรณ์ครัวต่าง ๆ รวมถึงต้องเจอความร้อนด้วย แน่นอนว่าต้องทำความสะอาดง่าย อย่างไรก็ตามไปดูกันเลย

วัสดุสำหรับฝาผนังห้องครัว นอกจากที่เราจะเคยชินกันแล้ว อย่างเช่น กระเบื้องเซรามิค ที่สามารถทนต่ออุณหภูมิสูง ๆ ที่เกิดจากการประกอบอาหาร ได้ยอดเยี่ยม และฝาผนังแบบการทาสีไปเลย อาจจะเหมาะแค่กับตรงบริเวณที่ไม่ได้มีการทำอาหารโดยตรงซะมากกว่า สีที่ใช้แนะนำเป็นอะคริลิก เพราะสารเคมีน้อย ไม่ต้องคิดมากเรื่องสีหลุดล่อนเพราะเกิดขึ้นได้น้อย

– ฝาผนังฉาบปูนขัดมัน     ควรจะใช้น้ำยาฉาบผิว เพื่อคุ้มครองป้องกันการความชุ่มชื้นแล้วก็รอยเปื้อนต่าง ๆ บนฝาผนัง รวมทั้งเพื่อสามารถทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย

– หินเทียมหรือหินสังเคราะห์      มีคุณลักษณะทนต่อความร้อนรวมทั้งความชุ่มชื้น ดูดซับน้ำต่ำก็เลยทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย เหมาะสมกับฝาผนังที่อยู่ใกล้รอบ ๆ ทำกับข้าวหรือรอบ ๆ อ่างล้างถ้วยชาม

– กระเบื้องพอร์ซเลน      ทนต่อความร้อนรวมทั้งความชุ่มชื้น กระเบื้องมีขนาดใหญ่มีรอยต่อน้อย ทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย ก็เลยไม่จำเป็นต้องกลุ้มใจเรื่องคราบเปื้อนฝังลึกตามร่องกระเบื้อง

– แผ่นสแตนเลส        ทนต่อความร้อน ทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย แม้กระนั้นต้องระมัดระวังเรื่องของกินหรือสารเคมีที่มีกรดหรือด่าง เพราะว่าจะก่อให้กำเนิดรอยด่างได้

 

ท็อปเคาน์เตอร์ครัว

เป็นหลักที่รองหน้าเคาน์เตอร์ห้องครัวที่จำเป็นต้องใช้สำหรับเพื่อการปรุงอาหาร ดังเช่น การสับ การหั่น และจำเป็นต้องพบความร้อนแล้วก็รอยเปื้อนต่าง ๆ เพราะฉะนั้น จำเป็นที่จะต้องเลือกท็อปเคาน์เตอร์ห้องครัวที่ทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย ไม่ทิ้งคราบเปื้อน และก็คงทน อุปกรณ์ที่เหมาะสมกับการนำมาทำท็อปเคาน์เตอร์ห้องครัว มีดังนี้

– หินแกรนิต แข็งแรงทนทาน ทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย ทนไฟ

– หินสังเคราะห์ สร้างมาจากแร่ธรรมชาติแล้วก็มีเรซินเป็นตัวผสาน ก็เลยไม่มีรูพรุน ไม่นำมาซึ่งเชื้อรา สามารถซ่อมได้แม้ว่าจะแตกหัก

– ลามิเนต ทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย ราคาแพงถูก รวมทั้งมีหลายลวดลายให้เลือกก็เลยเป็นที่ชื่นชอบสูง

– สแตนเลส ทนไฟ ทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย เหมาะสมกับรอบ ๆ หน้าเตาของกิน

– กระเบื้อง มีหลายประเภทให้เลือกตามรูปแบบของกระเบื้องดังเช่นว่า เซรามิค พอร์ซเลน ราคาถูก ทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย แข็งแรงทนทานและก็ทนต่อความร้อน อย่างเช่น เซรามิค พอร์ซเลน

 

สนับสนุนโดย      เครื่องช่วยฟัง

7 ของตกแต่ง ช่วยให้บ้านได้ฟีลแบบอบอุ่น

7 ของตกแต่ง ช่วยให้บ้านได้ฟีลแบบอบอุ่น ตอนไม่กี่วันนี้หลายๆพื้นที่อาจจะสัมผัสได้ถึงลมเย็นๆของหน้าหนาวกันแล้ว สำหรับบ้านที่กำลังมองหาการตกแต่งสร้างพื้นที่ในบ้านให้มองอบอุ่น รับกับอากาศหนาว พวกเรามี 7 ชิ้นมาเสนอแนะ ยืนยันเพียงแค่ทดลองจัดวาง แปลงของเดิมเป็นไอเทมใหม่พวกนี้ บ้านจะมองอบอุ่นน่าซุกแบบอย่างแน่ๆ

 

  1. เพิ่มผิวสัมผัสเข้าไป เมื่อคุณมาถึงบ้าน ผิวสัมผัสต่างๆที่อยู่ในบ้านของคุณ หรือพื้นที่ใดๆจะมีผลให้คุณรู้สึกต้องการสัมผัสมัน รวมทั้งมันจะยิ่งสร้างความสบายให้เกิดขึ้นกับคุณเนื่องจากมันจะก่อให้คุณได้อยู่ภายในเขตพื้นที่อบอุ่นนี้ ยิ่งคุณเพิ่มผิวสัมผัสที่แตกต่างกันนานาประการกันมากมายเยอะแค่ไหนก็จะยิ่งทำให้ห้องนั้นอบอุ่นเพิ่มขึ้น

 

  1. พรมช่วยเชื่อมต่อห้องแต่ละห้อง พรมเป็นแนวทางที่เยี่ยมที่สุดสำหรับในการเชื่อมห้องแต่ละห้องเข้าด้วยกันโดยยิ่งไปกว่านั้นสร้างความน่าดึงดูดใจด้วยสายตา

 

  1. ออกแบบผ้าที่มีไว้สำหรับห่มให้มีเลเยอร์ แน่ๆว่าทุกเตียงอยากได้ผ้าที่เอาไว้สำหรับคลุมเตียงและก็ผ้าที่เอาไว้สำหรับปูที่นอน แม้กระนั้นคุณสามารถทำให้ห้องนอนของคุณมองอบอุ่นขึ้นเป็นพิเศษได้โดยการวางผ้าที่มีไว้สำหรับห่มสัก 3-4 ผืน โดยจัดวางให้มองมีเลเยอร์ ซึ่งจะมีผลให้ห้องนอนของคุณนั้นมองอบอุ่นเพิ่มขึ้น

 

  1. เพิ่มต้นไม้เข้าไป พืชในร่มเป็นแนวทางที่ง่ายและก็ออมที่สุดสำหรับเพื่อการที่จะทำให้บ้านคุณน่าอยู่ แต่ว่าแม้ผู้ใดกันไม่พร้อมที่จะสร้างป่าในบ้านหรือห้องให้ทดลองนำต้นไม้มาเสริมแต่งตกแต่งในตู้ที่มีไว้ใส่หนังสือ หรือชั้นหรือมุมที่ร้างที่ไม่ค่อยได้ใช้แล้วก็แทนที่ด้วยต้นไม้สีเขียว

 

  1. อัพเกรดงานศิลปะของคุณ ทดลองเพิ่มความอบอุ่นให้บ้านด้วยงานศิลปะ ที่สามารถซื้อผลงานศิลป์ได้จากพิพิธภัณฑสถานในบ้านใกล้เรือนเคียง หรือจะสร้างผลงานศิลป์ขึ้นด้วยตัวเองก็นับว่าเป็นงานศิลปะที่มีคุณค่าทั้งหมด โดยงานศิลปะพวกนี้จะสร้างค่าแล้วก็ทำให้ห้องๆนั้นมองเชื้อเชิญเพิ่มมากขึ้น

 

  1. ซื้อของใช้บนโต๊ะอาหารให้เหมาะ แน่ๆว่าถ้วยชามงามๆนั้นช่วยให้โต๊ะกินอาหารมองน่าดึงดูดแล้วก็ชิคขึ้น แม้กระนั้นถ้าหากอยากอัพเกรดงานเลี้ยงมื้อเย็นให้ลงทุนชุดถ้วยชามที่งดงามมีคุณภาพเป็นหลักสัก 1 ชุด แล้วหลังจากนั้นจับคู่กับข้าวของเครื่องใช้ชิ้นอื่นอีกสัก 1-2 ชิ้น ก็จะก่อให้งานเลี้ยงของคุณมองอบอุ่นมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

  1. ตกแต่งดอกไม้ให้ทั่วบ้าน ดอกไม้สดหรือก้านไม้แห้งสามารถเพิ่มเสน่ห์ให้กับพื้นที่ของคุณรวมทั้งช่วยทำให้บ้านรู้สึกมีชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าสิ่งที่ต้องการที่จะให้ลงทุนเป็นแจกันและก็การตกแต่งนิดๆหน่อยๆแล้วหลังจากนั้นนำแจกันไปวางบนเคาน์เตอร์ โต๊ะกาแฟ หรือโต๊ะแต่งตัว

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย      การตรวจสอบและปรับปรุงการได้ยินของคุณ

ประโยชน์ของต้นไม้ฟอกอากาศ ที่ให้มากกว่าความสวยงาม

คุณเคยรู้สึกไหมว่าแค่มองต้นไม้ขยับไปมาตอนลมพัดหรือเห็นความสีเขียวของต้นไม้ก็จะทำให้คุณรู้สึกดรขึ้นมาก บางคนหายเครียด บางคนรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที ดังนี้บ้านของเราจึงมีการปลูกต้นไม้เอา นอกจากจะปลูกต้นไม่เพื่อเอาไว้ฟอกอากาศแล้ว เรายังปลูกเพื่อให้เรารู้สึกสดชื่นขึ้นเวลาที่เรามองมันอีกด้วย

ต้นไม้ใหญ่เอาไว้ให้ร่มรื่น บางต้นออกดอกผลมาให้เราทาน ต้นไม้เล็กให้ดอกสวยงาม ฟอกอากาศได้ ตั้งแต่เราพูดมายังไม่เคยเห็นข้อเสียของต้นไม้เลย ดังนั้นหากคุณเป็นคนที่ชอบต้นไม้สามารถนำต้นไม้ต่างๆไปปลูกได้นะ โดยเราจะมาแนะนำต้นไม้เล็กๆปลูกในบ้านให้ความสดชื่น แถมฟอกอากาศได้ด้วย

 

ประโยชน์ของต้นไม้ฟอกอากาศ สามารถปลูกในบ้านได้

1.ต้นยางอินเดีย

เป็นต้นไม้ที่ไม่ใช้พื้นที่อะไรเลย แถมยังช่วยฟอกอากาศให้บ้านของคุณได้ ช่วยให้บ้านรู้สึกสดชื่นขึ้น นอกจากนั้นยังเอาไว้ประดับบ้าน ใส่กระถางสวยๆ วางให้เข้ากับบ้านก็ดูสวยไม่ใช่น้อยเลย สีสันของยางอินเดีย ส่งผลทำให้บ้านดูหรูขึ้น และยางอินเดียยังช่วยจับดักฝุ่นภายในบ้านให้คุณได้ด้วย สำหรับยางอินเดียเป็นต้นไม้น้อยที่ดูแลง่าย ไม่ต้องการน้ำสักเท่าไหร่ คนที่ไม่มีเวลาก็ไม่ต้องกังวลว่าน้องจะตายนะ

 

2.ต้นกวักมรกต

หากคุณปลูกต้นกวักมรกตไว้ในบ้านแล้วสิ่งที่คุณจะได้เลย โดยต้นมันจะทำหน้าที่ให้คุณนั้นก็คือมันจะช่วยฟอกสารพิษในอากาศ และชื่อยังเป็นมงคล สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้สามารถนำต้นกวักมรกตนี้ไปปลูกได้นะ และต้นมันยังไม่ต้องมานั่งสนใจ อยู่ง่ายตายยาก จึงเป็นต้นไม้ที่คนให้ความสนใจมากมาย หากปลูกแล้วบ้านจะมีเงินทองไหลมาเลยแหละ

 

3.ต้นไทรใบสัก

ต้นไทรใบสักเป็นต้นมงคลที่มีชื่อความหมายดี และคนที่นำมาปลูกไว้ในบ้าน ก็ยังได้รับอะไรดีๆ เช่นช่วยฟอกอากาศ ช่วยจัดให้บ้านดูสวย ร่มรื่น ด้วยใบที่เป็นพุ่มของมัน ทำให้วางตรงไหนของบ้านก็ดูดีไปหมด สามารถนำไปไว้ทุกมุมของบ้านได้เลย ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขกก็ได้เช่นกัน

 

4.ต้นลิ้นมังกร

แค่ชื่อก็มงคลแล้วต้นลิ้นมังกรสามารถที่จะนำไปแต่งบ้านและช่วยในเรื่องของการฟอกอากาศได้ดีไม่น้อย คนนิยมนำมาปลูกมาเพราะมันมีสีสวย ใบยาวเรียว เอาแต่งในกระถางงางตามมุมบ้านดูสวยงาม ไม่ต้องเปลืองเงินซื้ออย่างอื่นมาแต่งบ้าน เพราะแค่ต้นลิ้นมังกรก็ชื่อมงคลแถมแต่งบ้านสวยช่วยฟอกอากาศให้แก่คุณได้ดีเลยแหละ

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังแบบไหนดี

การใช้ประโยชน์จากกาแฟ การนำไปหมักผมให้ผมเงางาม

กาแฟนอกจากจะเป็นคาเฟอีนที่เอาไว้ทำให้เรากินในเวลาง่วงแล้วยังมีประโยชน์อื่นๆอีกมากมายสรรพคุณของกาแฟนั้นสามารถนำไปทำประโยชน์ได้อีกเยอะแยะโดยที่วันนี้เราก็ได้หยิบยกตัวอย่างที่ได้จากสรรพคุณของกาแฟว่าสามารถเอาไปทำอะไรได้บ้าง

คุณรู้หรือไม่ว่ากาแฟนั้นสามารถนำไปหมักผมได้และยังได้ประโยชน์จากการหมักผมที่ดีด้วยไม่ว่าจะเป็นคนผมเสียจากการทำสีคนผมขาดหลุดร่วงก็สามารถที่จะนำกาแฟไปหมักเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆเหล่านี้ได้วิธีการจะเป็นอย่างไรมาดูกันเลย

การนำกาแฟไปหมักผมได้ประโยชน์อะไรบ้างและมีวิธีทำอย่างไร

1.การหมักเพื่อป้องกันผมร่วง

ผู้ที่ผมร่วงหนักหนักมักจะมีอาการที่เกี่ยวกับหนังศีรษะหรือศีรษะของเขามีความอ่อนแอค่อนข้างที่จะมากดังนั้นหากคุณเป็นบุคคลที่มีผมร่วงเช่นกันโดยคุณสามารถนำกาแฟไปหมักผมของคุณซึ่งมันจะทำให้รากผมของคุณแข็งแรงขึ้นและร่วงยากขึ้นนั่นเอง

ใช้กาแฟนำไปต้มแล้วเอามาแค่น้ำจากนั้นให้เอาน้ำหมักหมักผมทิ้งไว้สักครู่ประมาณ 30 นาทีเพื่อทำให้ผมของคุณแข็งแรงขึ้นลดการขาดหลุดร่วงป้องกันหัวล้านและนอกจากนั้นผมของคุณอย่างนุ่มขึ้นและดำเงางามขึ้นได้อีกด้วย

 

2.การทำให้ผมนุ่มขึ้นลื่นขึ้นด้วยเมล็ดกาแฟ

คาเฟอีนที่มีอยู่ในเมล็ดกาแฟช่วยในเรื่องของทำให้ผมของคุณนุ่มลื่นขึ้นได้นอกจากนั้นยังทำให้หนังศีรษะของคุณมีความแข็งแรงกระชับรูขุมขนทำให้ผมของคุณไม่หลุดร่วงอีกต่อไปแล้วจะทำให้ผมขึ้นดกดำมากขึ้นกว่าเดิม คุณมีผมที่พันกันควรนำเมล็ดกาแฟนี้มาทำการหมักเพราะมันจะแก้การทำให้ผมพันกันทำให้ผมมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังบำรุงเส้นผมของคุณให้สลวยอีกด้วยนะ

 

3.เมล็ดกาแฟช่วยเร่งให้ผมยาวขึ้นมาได้

คงเป็นการดีไม่น้อยถ้าหาผมของเราจะยาวขึ้นมาเร็วกว่าปกติและมีสุขภาพดีขึ้นตามมาด้วย หลายคนมักตัดผมเพราะผมมีปัญหาไม่ยาวยาวช้าหรือผมแห้งเสียซึ่งนั่นจึงเป็นปัญหาที่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะเจอแต่ถ้าหากคุณรู้จักเมล็ดกาแฟแล้วมันสามารถที่จะทำให้ผมของคุณยาวและสวยเก๋ได้นอกจากนั้นสำหรับคนที่ต้องการให้ผมยาวเร็วขึ้นสามารถสกัดเมล็ดกาแฟเพื่อช่วยในการเร่งผมของคุณให้ยาวขึ้นได้ด้วยนะ

 ใครก็ตามการนำเมล็ดกาแฟมาสกัดเพื่อนำมาหมักหรืออาจจะนำมาบำรุงผมมันจะส่งผลให้ผมของคุณมีสุขภาพที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้นแต่คุณก็ต้องมีเวลาเอาใจใส่ดูแลต้องใช้เวลาในการหมักหรืออาจจะหมักบ่อยครั้งอาทิตย์ละสองครั้งเป็นต้นไปเพื่อจะส่งผลให้มันดูดีขึ้น

 

สนับสนุนโดย    ฮอยอาน่า

ไขข้อสงสัยทำไมเราจึงต้องตรวจสุขภาพ

เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า ทำไมเราจึงต้องตรวจสุขภาพประจำปี เพราะการตรวจสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ที่จะทำให้เรารู้ทราบถึงสถานะร่างกายของตนเองได้เร็ว ว่าร่างกายของเรามีความเสี่ยง หรือได้รับผลกระทบอะไรบ้าง เพื่อที่เราจะได้เข้ารับการรักษาได้อย่างถูกต้องและทันเวลา

เพราะคนเราส่วนใหญ่มักที่จะมองว่า ตนเองมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอยู่เสมอ จึงไม่จำเป็นที่ต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพก็ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าร่างกายของเรานั้นมีความเสี่ยง หรือเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ฉะนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราควรจะให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพ เพื่อเป็นการตรวจเช็คร่างกายของตนเองอยู่เสมอ

และเพื่อช่วยลดปัญหาการเกิดโรคร้ายต่าง ๆ ขึ้นได้นั่นเอง อย่างไรก็ตาม การมีสุขภาพร่างกายที่ดีทั้งภายในและภายนอก เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะช่วยให้เราสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น สำหรับใครที่สงสัยว่า หากเรามีร่างกายที่แข็งแรงอยู่แล้ว ทำไมเราจึงต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพ วันนี้เรามคำตอบ

การตรวจสุขภาพเป็นการตรวจเช็คร่างกาย ถึงแม้ว่าเราจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงมากขนาดไหนก็ตาม แต่เราไม่มีทางรับรู้ได้เลยว่า ภายในร่างกายของเรานั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ฉะนั้น การตรวจเช็คความผิดปกติของร่างกาย จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม เพื่อเป็นการตรวจเช็คภายในร่างกาย ถึงแม้เราจะแข็งแรง ก็ต้องหใความสำคัญกับการตรวจสุขภาพด้วยเช่นกัน เพราะอย่างน้อยเราก็จะได้รู้ทราบถึงสถานะร่างกายของตนเองได้เร็ว 

การตรวจสุขภาพช่วยป้องกันความรุนแรงของโรค แน่นอนว่า การที่เราหมั่นเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ

จะทำให้เรานั้นลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายได้ ทำให้โรคที้เกิดขึ้นนั้นไม่ได้รุนแรงจนถึงขั้นทำให้เราเสียชีวิตได้ เพราะการดำเนินชีวิตของคนส่วนใหญ่ มักที่จะปล่อยละเลยการดูสุขภาพร่างกายของตนเอง ทำให้ร่างกายอาจได้รับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ ได้ง่าย การตรวจสุขภาพประจำปี จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม และทำให้การตรวจสุขภาพนั้นเป็นสิ่งสำคัญนั่นเอง 

การตรวจสุขภาพทำให้รู้สถานะร่างกาย รู้หรือไม่ว่า การที่เรารับรู้ความเคลื่อนไหวของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นทั้งภายใน หรือภายนอกก็ตาม เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ที่จะทำให้เราใช้ชีวิตในประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังทำให้เรานั้นรู้ว่าภายในร่างกายของเรานั้นเกิดอาการผิดปกติอะไรขึ้นบ้าง เพื่อที่เราจะได้เข้ารับการรักษาได้อย่างตรงจุด และอาจช่วยให้อาการที่เกิดขึ้นนั้นไม่ค่อยรุนแรงนั่นเอง

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ

ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียในสังคมที่เน้นการแต่งหน้า

บ่อยเท่าที่ฉันได้วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของฉันกับการแต่งหน้า ฉันก็มักจะวิเคราะห์โดยคำนึงถึงความรักต่อร่างกายของคุณ และคำนึงถึงความนับถือตนเองเป็นหลัก ไม่นานมานี้ฉันได้พิจารณาเรื่องนี้ในบริบททางเชื้อชาติ เมื่อมองในกระจก ฉันมักจะเห็นตัวเองเป็นสาวเอเชียที่มักถูกรายล้อมไปด้วยคนผิวขาว

เมื่อตอนที่ฉันเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายเอกชน และตอนนี้อยู่ที่มหาวิทยาลัยเอกชน

นอกเหนือจากชุมชนชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียที่ฉันใช้ชีวิตในช่วงปีแรกๆ แล้ว ฉันยังรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชนกลุ่มน้อยอยู่เสมอ แต่หลังจากครุ่นคิดมาหลายปี ในที่สุดฉันก็ได้ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ทางเชื้อชาติของฉันส่งผลกระทบมากเพียงใดต่อแนวทางการแต่งหน้าของฉัน ความเข้าใจที่เพิ่งค้นพบนี้ดูเหมือนจะเป็นเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งในเดือนมกราคม

ซึ่งเป็นเวลาที่ทุกคนกำลังพยายามพลิกใบไม้ใหม่ หรือเริ่มต้นบทใหม่ในชีวิตของพวกเขา ไคลี เจนเนอร์แสดงความสนใจที่จะแต่งหน้าให้น้อยลงในปี 2559 โดยกล่าวว่า “บางครั้งมันก็มากเกินไปที่จะรักษาไว้ การเป็นเด็กผู้หญิงเป็นเรื่องยาก”

แม้ว่าฉันไม่ชอบที่จะบรรลุเป้าหมายเชิงปริมาณ แต่ฉันก็ชอบที่จะคำนึงถึงหลักเกณฑ์ทั่วไปอยู่เสมอ ในปี 2559 เป้าหมายใหญ่ประการหนึ่งของฉันคือแต่งหน้าให้น้อยลง ตอนที่ฉันอยู่มัธยมต้น ฉันไม่เพียงแต่ค่อนข้างจะ “เป็นคนผิวขาว” เท่านั้น (หมายความว่าฉันหลอมรวมเข้ากับสังคมตะวันตกเป็นส่วนใหญ่)

แต่ฉันก็ค่อนข้างละอายใจกับเชื้อชาติของตัวเองด้วย สิ่งนี้เป็นจริงเมื่อสัมพันธ์กับวัฒนธรรมของฉัน แต่    hoiana เวียดนาม    ยังสัมพันธ์กับรูปลักษณ์ภายนอกด้วย สิ่งที่ฉันอิจฉาที่สุดคือขนตาที่หนาและโค้งตามธรรมชาติของสาวคอเคเชียน และดวงตาของพวกเธอก็ดูคมชัดและทะลุทะลวงโดยไม่ต้องเสริมแต่งเพิ่มเติม

ฉันเพิกเฉยต่อความจริงที่ว่าผิวคนเอเชียของฉันกระจ่างใสกว่ามาก ผิวสีแทนโดยไม่เกิดรอยไหม้ และผมคนเอเชียของฉันหนาและนุ่มสลวยจนไม่เคยเป็นปมเลย

บางทีสิ่งที่ทำให้ฉันอิจฉาสาวคอเคเซียนอาจเป็นคำพูดที่ฉันเคยสัมผัสตลอดวัยเด็ก ซึ่งดึงดูดสายตาเป็นหน้าต่างสู่จิตวิญญาณ โดยธรรมชาติแล้ว ฉันกลัวว่าจะไม่มีใครสามารถอ่านจิตวิญญาณของฉันผ่านขนตาเส้นตรงบางๆ ของฉันได้ ท้ายที่สุดแล้ว ดวงตาของฉันก็ชัดเจนน้อยกว่าเมื่อเทียบกัน

สาวเอเชียหลายคนที่ฉันรู้จักไม่กล้าใช้มาสคาร่ากับขนตาเลยแม้แต่น้อยจนกว่าพวกเธอจะดูจับตัวเป็นก้อนและดูเป็นใยแมงมุม แต่พวกเขาจะใช้อายไลเนอร์ชนิดน้ำครึ่งภาชนะ โดยทาบนอายไลเนอร์อย่างหนาเพื่อสร้างภาพลวงตาที่มีความหมาย บางครั้งฉันก็ผสมมาสคาร่าแบบลดสีลงเพื่อให้ดวงตาของฉันดูโดดเด่นขึ้นอย่างมาก

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ขนตาของฉันจะยาวกว่าสาวเอเชียคนอื่นๆ ตามธรรมชาติ และฉันก็กำหนดเปลือกตาด้วย เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันตื่นสายไปโรงเรียน (เป็นเรื่องปกติ) และต้องแต่งหน้าในลานจอดรถของโรงเรียน ฉันจะไปเขียนอายไลเนอร์และมาสคาร่าเป็นอันดับแรก การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้ฉันงุนงง ฉันพยายามถอดรหัสวิจารณญาณของตัวเอง

โดยถามตัวเองว่า ถ้าฉันมีตำหนิบนใบหน้าและดวงตาแบบเดียวกัน ฉันจะเลือกปกปิดรอยตำหนิหรือกำหนดดวงตาของตัวเอง ฉันอาจจะเลือกอายไลเนอร์ ทำไม เพราะสิวเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญในช่วงหนึ่งของชีวิต เนื่องจากฮอร์โมนและความเครียดในร่างกายของวัยรุ่นพุ่งสูงขึ้นอย่างทันท่วงที สิวจึงกลายเป็นบรรทัดฐานที่ยอมรับกัน แม้ว่าจะไม่สวยงามหรือโชคร้ายก็ตาม สรุป: สังคมตะวันตกให้อภัยเรื่องสิวมากขึ้น

การพนัน การเสพติด และวัฒนธรรมเอเชีย

ในชุมชนชาวจีน เวียดนาม ฟิลิปปินส์ เกาหลี และกัมพูชา นักสังคมสงเคราะห์และผู้นำกำลังกดดันเจ้าหน้าที่การเล่นเกมและสมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐให้รับรู้ถึงโรคระบาดที่ซ่อนอยู่ “นี่ไม่ใช่กลุ่มผลประโยชน์พิเศษที่ล้นปัญหา” ทิโมธี ฟง ผู้อำนวยการร่วมของโครงการศึกษาการพนัน UCLA

ถ่านเครื่องช่วยฟัง     ซึ่งกำลังดำเนินการศึกษาการพนันในเอเชียกล่าว “เราคิดว่านี่เป็นเรื่องจริง” ไม่มีใครรู้จริงๆ ว่าปัญหาการพนันเข้าถึงชุมชนชาวเอเชียอย่างลึกซึ้งเพียงใด

เนื่องจากชาวเอเชียไม่ได้ถูกแยกออกเป็นกลุ่มในการศึกษาระดับชาติหรือแคลิฟอร์เนียในประเด็นนี้ แต่การสำรวจในปี 1999 ในย่านไชน่าทาวน์ของซานฟรานซิสโก ซึ่งจัดทำโดยหน่วยงานบริการสังคม พบว่า 70% ของผู้ตอบแบบสอบถาม 1,808 คนจัดอันดับให้การพนันเป็นปัญหาอันดับ 1 ของชุมชน

หญิงอเมริกันเชื้อสายเวียดนามเล่นการพนันในคาสิโน © B atrice de G a/LA Times

ในการสำรวจติดตามผล ผู้ตอบแบบสอบถาม 21% คิดว่าตัวเองเป็นนักพนันที่มีพยาธิสภาพ และอีก 16% เรียกตนเองว่าเป็นนักพนันที่มีปัญหา ซึ่งมีอัตราที่สูงกว่าประชากรโดยรวมอย่างมาก ข้อมูลปัจจุบันชี้ให้เห็นว่า 1.6% ของชาวอเมริกันสามารถจัดเป็นนักพนันทางพยาธิวิทยา ซึ่งเป็นภาวะที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นโรคทางจิตเวช มากกว่า 3%

ถือเป็นนักพนันที่มีปัญหา การพนันกลายเป็นงานอดิเรกสำหรับผู้ใหญ่ของอเมริกา ในแต่ละปี มีการใช้จ่ายในอุตสาหกรรมเกมที่มีมูลค่า 75 พันล้านดอลลาร์ของประเทศ

มากกว่าภาพยนตร์ คอนเสิร์ต การแข่งขันกีฬา และสวนสนุกรวมกัน และไม่มีที่ไหนที่จะเดิมพันได้ยิ่งใหญ่ไปกว่าในแคลิฟอร์เนีย ด้วยคาสิโนอินเดียเกือบ 60 แห่ง ห้องเล่นไพ่ สนามแข่ง และเว็บไซต์การพนันทางอินเทอร์เน็ต รวมถึงหนึ่งในลอตเตอรี่ของรัฐที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศ

นักพนันชาวเอเชียมีบทบาทสำคัญในความสำเร็จดังกล่าว แม้ว่าจะมีสถิติเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของพวกเขาในหม้อพนันของรัฐ

แต่คาสิโนและห้องไพ่บางแห่งใกล้กับลอสแองเจลิสและซานฟรานซิสโกประเมินว่าชาวเอเชียมักคิดเป็น 80% ของลูกค้าของพวกเขา “ชาวเอเชียเป็นตลาดขนาดใหญ่” เวนดี วอลดอร์ฟ โฆษกหญิงของแคชครีกคาสิโน ทางตอนเหนือของซานฟรานซิสโก กล่าว “เราให้ความสำคัญกับพวกเขา” ในแต่ละวันในซานกาเบรียล มอนเทอเรย์พาร์ค

และไชน่าทาวน์ของซานฟรานซิสโก รถบัสจำนวนมากจะรวบรวมลูกค้าชาวเอเชียเพื่อโดยสารรถฟรีไปยังคาสิโนของอินเดีย ไปยังรีโนและลาสเวกัส คาสิโนเนวาดาหลายแห่งยังมีสำนักงานธุรกิจ

ในมอนเทอเรย์พาร์ค ซึ่งเจ้าบ้านติดต่อกับผู้เล่นระดับสูงชาวเอเชียเป็นประจำ เพื่อเข้าถึงนักพนันที่แพร่หลายมากขึ้น คาสิโนจึงแสดงโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์และออกอากาศภาษาเอเชีย และดำเนินการรณรงค์ส่งจดหมายโดยตรงไปยังรหัสไปรษณีย์ที่มีประชากรชาวเอเชียจำนวนมาก

อะไรคือบ้านแบบมินิมอล

กลายเป็นอีกหนึ่งความฮอตฮิตที่มาแรงในขณะนี้เป็นการผลิตบ้านสไตล์minimal ซึ่งจะต้องสารภาพว่า กระแสนี้เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยจะมองเห็นได้จากแผนการบ้านชนิดต่าง ๆ ที่เริ่มปรับการออกแบบ ให้บ้านมองมีความminimal มองสบายตา แม้กระนั้นยังคงเป็นประโยชน์ใช้สอย แล้วก็ฟังก์ชันอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อีกเยอะมาก ซึ่งการจะก่อสร้างบ้านให้ได้ในแบบสไตล์minimalนั้น ก็ไม่ยากเหมือนอย่างที่คิด

เนื้อหานี้มีข้อเสนอแนะสำหรับเจ้าของที่ตระเตรียมจะวางแบบบ้าน จัดแจงก่อสร้างบ้านในสไตล์minimal ได้อ่านเพื่อมีประโยชน์สำหรับในการนำไปปรับใช้ และก็ให้บ้านที่สร้างเสร็จแปลงเป็นบ้านในฝันของคุณ ถ้าพร้อมแล้ว ตามไปดูพร้อมได้เลย

บ้านสไตล์ไม่นิมอล เป็นอย่างไร?

ขั้นตอนแรก ความหมายจริง ๆ กันก่อน Minimal เป็นความธรรมดา ไม่สลับซับซ้อน ถ้า  ฮอยอาน่า   เทียบบ้านสไตล์minimal ให้เห็นภาพตรงกัน ก็คือ บ้านที่มองเรียบง่าย โทนสีมองสบายตา ไม่จัดจ้า ส่วนใหญ่จะนิยมย้ำใช้โทนสีขาว สีดำ รวมทั้งสีเอิร์ธโทนเป็นหลัก

แม้ว่าจะมองเรียบง่าย แม้กระนั้นแอบแฝงการใช้แรงงานที่คุ้ม ในเชิงของคอนเซ็ปต์พวกเราชอบบอกกันชินปากว่า Less is More หรือน้อยแต่มาก โน่นเป็นความหมายของบ้านสไตล์minimal เจริญที่สุด เรียบง่าย แม้กระนั้นจำต้องใช้ประโยชน์ได้จริง รวมทั้งมีการใช้งานที่สะดวก

ก่อสร้างบ้านสไตล์minimal นี้

อย่างที่พวกเราได้บอกไปตอนแรก การผลิตบ้านสไตล์minimalนั้นไม่ยาก เพียงคุณจำต้องทำความเข้าใจ ถึงสาเหตุต่าง ๆ ประกอบกับคิดแผนที่ดี เพื่อทุก ๆ อย่างออกมาตอบปัญหาการใช้งาน รวมทั้งสิ่งที่จำเป็นสูงสุดของผู้ใช้งานทุกคนที่อาศัยอยู่ในบ้าน อันดับแรกเรามาเริ่มที่กันที่ว่าควรทำบ้านแบบไหนก่อน หากมีพื้นที่ดินแบบนี้

พื้นที่ดินสำหรับเพื่อการก่อสร้างบ้าน

การผลิตบ้านจำเป็นต้องนึกถึงหลักสิ่งที่ต้องการหลายประเภท ซึ่งเรื่องของพื้นที่นั้นนับว่าเป็นหัวข้อหลักลำดับหนึ่งถือว่าเป็นองค์ประกอบสำหรับเพื่อการตกลงใจว่า ควรที่จะเลือกก่อสร้างบ้านแบบใด ระหว่างบ้านชั้นเดี่ยว รวมทั้งบ้านสองชั้น ควรจะคิดถึงพื้นที่ใช้สอยสาธารณะ พื้นที่ส่วนตัวข้างในห้อง ประกอบกับสมาชิกด้านในครอบครัว เพื่อตอบปัญหาการใช้ชีวิตของทุกคนในบ้านได้มากที่สุด และก็ที่อย่างที่สำคัญไม่แพ้กันเป็น การมีพื้นที่ส่วนตัวให้กันและกันนั่นเอง

สิ่งของที่เลือกมาตกแต่งก็ควรจะเป็นอะไรที่มองดูสบายตา เรียบ ๆ ออกทางสีเอิร์ธโทน หรือขาว เป็นลำดับแรก ๆ อีกทั้งบ้านก็จะเป็นแนวเรียบ ๆ อย่างสี่เหลี่ยม เน้นการใช้ไม้ ใช้กระจก โดยคิดย้ำกับตัวเองเสมอ ๆ ว่า เรียบง่าย สบายตา เพื่อคงคอนเซ็ปไว้อยู่ว่ามินิมอล 

การดูแลตัวเองที่บ้าน หากป่วยเป็นไข้หวัด 

หากป่วยเป็นไข้หวัด สำหรับในบทความนี้เราจะมาพูดถึงการดูแลตัวเอง เมื่่อเราเป็นไข้หวัด  โดยอาการไม่ได้รุนแรงมากนัก ไม่จำเป็นที่จะต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล   ซึ่งเราต้องสังเกตุอาการของเราก่อนว่ารุนแรงมากหรือไม่  เพราะถ้าหากมีไข้สูงมากและยังมีอาการอื่นๆทีรุนแรง รวมถึงคนที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว และมาเป็นไข้หวัดเพิ่มเติมก็ควรที่จะไปพบแพทย์ให้แพทย์รักษาจะดีกว่า

สำหรับคนที่เป็นไข้หวัด โดยปกติแล้ว จะต้องมีอาการปวดหัว  หรือบางคนอาจจะมีอาการเปิดเนื้อเปิดตัวร่วมด้วยนอกจากนี้ยังมีไข้สูงซึ่งคนที่จะเป็นไข้นั้นจะต้องมีอุณหภูมิร่างกายตั้งแต่ 37.5 เป็นต้นไปนอกจากนี้บางคนอาจจะยังพบมีอาการไอหรือว่าจามหรือถ้าหากอาการหนักหน่อยก็อาจจะมีน้ำมูกไหลได้เช่นเดียวกัน

โรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม - แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางครบทุกสาขา

อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่มีอาการเหล่านี้เราสามารถนอนพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านได้โดยวิธีการดูแลรักษาตนเองที่บ้านนั้นทำได้ง่ายๆนั่นก็คือนอนนอนให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ นอนจนกว่าที่เราจะมีอาการไข้ทุเลาลงหรือจนกว่าจะไม่มีไข้ก็ได้และที่สำคัญอย่าลืมดื่มน้ำเยอะๆและเป็นน้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิห้องเท่านั้นอย่าดื่มน้ำเย็นควรจะดื่มเป็นน้ำเปล่าหรือถ้าหากใครมีอาการเจ็บคอร่วมด้วยก็สามารถดื่มน้ำเปล่าผสมน้ำมะนาวได้ 

นอกจากนี้ไม่ควรที่จะดื่มน้ำดื่มที่จะไปกระตุ้นทำให้ร่างกายขับน้ำออกเร็วอย่างเช่นพวกแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนนั่นเองและที่สำคัญหากมีอาการคัดจมูกหรือมีน้ำมูกร่วมด้วยการดื่มน้ำอุ่นแล้วใส่น้ำมะนาวผสมลงไปเล็กน้อยนั้นก็จะช่วย ลดอาการคัดจมูกและยังสามารถบรรเทาอาการไอได้อีกด้วย

หากใครมีอาการมีน้ำมูกแนะนำว่าควรจะใช้น้ำเกลือล้างจมูกเพื่อที่จะทำให้โพรงจมูกสะอาดและมีความชุ่มชื้นและยังช่วยขับไล่น้ำมูกออกจากโพรงจมูกลดความเสี่ยงที่อาจจะเป็นโรคไซนัสได้อีกด้วยและถ้าหากใครมีอาการเจ็บคอมากๆก็สามารถใช้เกลือผสมน้ำเปล่าคนละลายให้เข้ากันแล้วใช้ในการกลั้วคอก็จะสามารถฆ่าเชื้อบริเวณลำคอได้เช่นเดียวกัน 

อย่างไรก็ตามนี้เป็นเพียงแค่วิธีการดูแลตนเองเบื้องต้นหากเป็นไข้หวัดและอาการไม่รุนแรงมากนักแต่เมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกว่ามีอาการที่รุนแรงมากขึ้นเช่นอาจจะมีอาการไข้เกิน 5 วันขึ้นไป หรืออาจจะมีอาการอื่นๆรุนแรงตามมาและจำเป็นที่จะต้องไปพบแพทย์แนะนำว่าควรที่จะต้องจดรายชื่อยาหรือพวกอาหารเสริมที่เรารับประทานเข้าไป

ระหว่างที่เรามีการรักษาอาการป่วยด้วยตนเองที่บ้านไปให้ทางแพทย์ตรวจสอบนอกจากนี้ยังควรที่จะต้องจดจำอาการของเราทั้งหมดให้ชัดเจนเพื่อไปบอกกล่าวให้ฟังเกี่ยวกับอาการของเรา เพื่อที่แพทย์จะได้รักษาได้อย่างภูกตอ้ง

 

 

 

สนับสนุนโดย    hoiana เวียดนาม