อาการที่จะบอกว่าคุณติดเชื้อโควิด-19

ในปัจจุบันในประเทศไทยก็มีการระบาดของเชื้อโควิด-19อีกครั้งและครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่มีการระบาดที่หนักมากๆในแต่ละวันพบผู้ติดเชื้อโควิด-19เป็นพันคนขึ้นไปหลายคนก็มาคอมเม้นถ้ามีอาการแบบนั้นแบบนี้ตนเองจะติดเชื้อแล้วหรือยังตนกังวลมากๆ

ซึ่งวันนี้เราก็จะมาบอกว่ามีอาการอะไรบ้างที่จะเป็นตัวบ่งบอกว่าคุณติดเชื้อโควิด-19แล้วมีหลายอาการลองฟังกันดูว่าตนเองมีอาการเหล่านี้หรือเปล่า

อาการที่หนึ่ง คือ อาการไข้ ใครที่มีอาการไข้ตัวร้อนหรือใครที่มีอาการหนาวสั่นก็เป็นอาการอย่างหนึ่งที่จะเป็นตัวบ่งบอกว่าคุณอาจจะติดเชื้อโควิด-19แล้วก็ได้ดังนั้นแนะนำว่าแต่ละคนหรือแต่ละบ้านมีประหลอดวัดไข้หนึ่งอันเพื่อทำการวัดไข้ของตนเองมั่นวัดอาจจะวัดเช้าหรือเย็นก็ได้แล้วก็ดูอุณภูมิของตนเอง

ถ้ามีอุณภูมิมากกว่า37.5ขึ้นไปอันนี้ก็จะเป็นตัวบ่งบอกที่คุณเริ่มมีไข้แล้วดังนั้นคุณอาจจะต้องรีบแยกตัวแล้วก็อาจจะลองวัดซ้ำอีกทีบางทีอาจจะทุก6ชั่วโมงอย่างนี้ถ้าไข้ลงไม่เป็นไรแต่ถ้าเริ่มไข้สูงขึ้นๆเรื่อยๆเกิน38ขึ้นไปอันนี้อาจจะต้องรีบมาโรงพยาบาลทันทีเพื่อรับการตตรวจคุณอาจจะเป็นโควิด-19

อาการที่สอง คือ ไอแห้งๆ ไอมีเสมหะ ใครที่มีอาการไออาจจะไอแห้งๆหรือไอแบบมีเสมหะก็ได้อันนี้ก็จะต้องบ่งบอกว่าคุณอาจจะติดเชื่อโควิด-19แล้วก็ได้เพราะว่าเชื่อไวรัสตัวนี้อาจจะติดเชื้อทางเดินหายใจอาจจะเป็นส่วนบนหรือว่าส่วนล่างก็จะส่งผลทำให้คุณมีอาการไออาจจะไอแห้งๆหรือไอแบบมีเสมหะก็ลองไปสังเกตดูถ้ามีร่วมกับมีไข้ด้วยให้รีบไปตรวจคุณอาจจะติดเชื้อแล้วก็ได้

อาการที่สาม คือ เจ็บคอ ใครที่มีอาการเจ็บคอก็เป็นอีกหนึ่งที่จะต้องสงสัยว่าคุณนั้นอาจจะติดเชื้อโควิด-19แล้วก็ได้ยังไงให้สงสัยเอาไว้ก่อนดีที่สุด

อาการที่สี่ คือ หอบเหนื่อย ใครที่มีความรู้สึกว่ามันเหนื่อยผิดปกติทำกิจวัตรประจำวันปกติทำได้แล้วอยู่ทำเหมือนเดิมแต่ทำไมมันมีอาการเหนื่อยมากขึ้นหรือว่ามีอาการหายใจไม่อิ่มอันนี้ก็จะเป็นตัวหนึ่งที่จะเป็นตัวบ่งบอกว่าคุณอาจจะเป็นโรคโควิด-19แล้วก็ได้

เพราะว่าเชื้อไวรัสโควิด-19มันอาจจะทำให้ปอดของคุณนั้นอักเสบได้เมื่อปอดของคุณอักเสบแล้วมันจะทำให้คุณมีอาการไอมีอาการเหนื่อยมาขึ้นดังนั้นถ้าใครที่มีความรู้สึกว่าหอบเหนื่อยรวมกับมีไข้มีการไอแบบนี้ให้รีบมาโรงพยาบาลคุณอาจจะติดเชื้อแล้วก็ได้

 

สนับสนุนโดย    แทงหวย

ตกขาวในผู้หญิง เกิดขึ้นได้อย่างไร

สมัยนี้การเป็นผู้หญิงแสนยากลำบากยิ่งนัก ไหนจะต้องเป็นประจำเดือน ไหนจะเป็นโน้นนี่นั่นอะไรหลายๆ อย่าง ผู้หญิงส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้มักจะป่วยเป็นโรคที่ผู้ชายนั้นไม่มีวันที่จะเข้าใจ โดยเฉพาะการเป็นตกขาว เชื่อว่าผู้หญิงหลายคนคงต้องเจอกับปัญหานี้กันอย่างแน่นอน ปัญหาที่ผู้ชายไม่มีวันเข้าใจหัวอกผู้หญิงอย่างเรา

โดยปกติแล้วผู้หญิงเราจะเป็นตกขาวกันอยู่แล้ว เป็นๆหายๆ แต่เมื่อไหร่ที่มักเกิดความผิดปกติขึ้น ก็อาจส่งผลเสียจ่อร่างกายเราได้ ซึ่งอาการตกขาวนั้น จะเกิดขึ้นได้จากสารคัดหลั่งของช่องคลอด โดยจะมีลักษณะคล้ายกับมูกใส ๆ ส่วนใหญ่มักจะพบได้ในวัยเจริญพันธุ์ หากใครที่มีตกขาวนั้นก็อาจจะเสียความมั่นใจไปไม่มากก็น้อย ดังนั้น การดูแลรักษาจึงเป็นเรื่องที่สำคัญแล้วจำเป็นที่จะต้องดูแลเป็นอย่างดี

โดยทั่วไปอาการตกขาวนั้นจะสามารถเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ แต่สำหรับบางคนก็อาจจะมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่สามารถเข้าไปช่วยเพิ่มการเกิดตกขาวให้มากขึ้นและเกิดความผิดปกติขึ้นได้ หากตกขาวของเรานั้นเกิดความผิดปกติขึ้น เช่น มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น มีสีที่เปลี่ยนไป รวมไปถึงการมีกลิ่นเหม็น ที่อาจทำให้คุณนั้นเสียความมั่นใจในตัวเองได้

ดังนั้นเชื่อว่าสาวๆ หลายคนคงไม่มีความคิดที่อยากจะไปหาหมอเด็ดขาด อาจจะเป็นเพราะความเขินอายต่อคุณหมอก็ได้ จึงเดินเข้าไปซื้อยาที่สามารถช่วยในการรักษามากินแทน แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น สิ่งที่เราควรทำเมื่อเกิดตกขาวผิดปกติ เราควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด และหากพบว่าร่างกายเกิดการติดเชื้อต่างๆ ขึ้นก็จะได้วินิจฉัยที่ถูกต้อง

และเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม การเกิดของตกขาวในผู้หญิงนั้นสามารถเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ และอาจมีปัจจัยหลายอย่างในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการกิน หรือแม้แต่การสวมใส่เสื้อผ้า ก็อาจเป็นสามาเหตุทำให้น้องสาวของเรานั้นหายในไม่ออก และเกิดกลิ่นอับขึ้นได้ เพราเชื่อว่าสมัยนี้ผู้หญิงหลายคน ให้ความสนใจเรื่องกินมากกว่าการดูแลตนเอง อาจจะมีส่วนน้อยที่ใสใจในเรื่องของสุขภาพร่างกาย และสุขอนามัยของตนเอง นอกจากนี้แล้ว หากร่างกายของเราเกิดความผิดปกติขึ้น ไม่เพียงแต่ส่งผลทำให้เราเสียความมั่นใจในตัวเองได้เท่านั้น ยังมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ที่ร้ายแรงขึ้นได้

เพราะจุดซ้อนเร้นของเรานั้นมีความอ่อนโยน และอ่อนไหวต่อสิ่งต่าง ๆ ได้ง่าย ดังนั้น ทางที่ดีควรดูแลรักษาจุดซ้อนเร้นเป็นประจำทุกวัน แต่ก็ไม่ควรที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาความสะอาดบ่อยเกินไป เพราะอาจเสี่ยงต่อการระคายเคืองขึ้นได้ หากจะเป็นที่จะต้องใช้จริง ๆ ก็ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิวให้ได้มากที่สุด

 

สนับสนุนโดย    แทงหวย

ทำอย่างไรเมื่อลูกตัวร้อน

     สำหรับเด็กที่ตัวร้อนนั้นหากเราวัดอุณหภูมิร่างกายมีความร้อนอยู่ที่ 37.5 องศาเซลเซียสเป็นต้นไปแสดงว่าในขณะนี้เด็กกำลังเริ่มที่จะไม่สบายและถ้าหากอุณหภูมิร่างกายอยู่ที่ 38 องศาเซลเซียสเป็นต้นไปนั่นแสดงว่าเด็กมีอาการไข้ขึ้นสูงแล้วเราควรจะต้องลดความร้อนของอุณหภูมิภายในร่างกายเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจจะทำให้เด็กมีอาการช็อกนั้นเอง

    สำหรับวิธีลดความร้อนในร่างกายของลูกน้อยนั้นทำได้ด้วยการเช็ดตัวซึ่งน้ำที่ใช้สำหรับในการใช้ตัวรูปนั้นควรจะเป็นน้ำที่อุณหภูมิปกติหรือจะใช้เป็นน้ำอุ่นก็ได้โดยใช้ผ้าชุบน้ำที่เตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้วเช็ดตามร่างกายของลูกโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณขาหนีบซอกคอหรือแม้แต่รักแร้โดยเน้นให้เช็ดตรงบริเวณที่เป็นเป็นข้อพับต่างๆเพราะต้องบริเวณดังกล่าวนั้นจะมีความร้อนค่อนข้างสูง

    สำหรับวิธีการเช็ดนั้นควรจะต้องมีการเช็ดย้อนขึ้นไปเพื่อเป็นการเปิดรูขุมขนในร่างกายเพื่อให้ความร้อนได้ระบายออกมานั่นเองเมื่อทำการเช็ดเสร็จเรียบร้อยแล้วต้องมีการวัดอุณหภูมิอีกครั้งหนึ่งว่าอุณหภูมิลดลงเป็นอุณหภูมิปกติแล้วหรือไม่ถ้าหากอุณหภูมิยังไม่ลดลงต้องเช็ดจนกว่าอุณหภูมิจะลดลงหลังจากที่เช็ดตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วต้องใช้ผ้าแห้งเช็ดตัวให้สะอาดอีกครั้งหนึ่งหลังจากนั้นก็ใส่เสื้อผ้าโดยเลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่แล้วสบายตัวไม่ควรใส่เสื้อผ้าที่มีความหนามากเกินไปเพราะจะทำให้เด็กรู้สึกได้

      นอกจากการเทสร่างกายเรียบร้อยแล้วควรจะต้องมีการหาน้ำมาให้เด็กดื่มน้ำให้เด็กดื่มน้ำให้เยอะให้มากที่สุดเพราะการดื่มน้ำนั้นจะช่วยลดอุณหภูมิภายในร่างกายของเด็กได้เป็นอย่างดีอีกทั้งยังช่วยในเรื่องของการป้องกันการเกิดอาการขาดน้ำได้อีกด้วย  สิ่งที่สำคัญที่สุดแต่ยามให้เด็กนอนพักผ่อนให้เพียงพอให้นอนในที่อากาศโล่งสบายภูมิไม่เย็นมากจนเกินไปและไม่ร้อนมากจนเกินไปโดยพยายามสังเกตเด็กว่ามีอาการหนาวสั่นหรือไม่ถ้าหากมีอาการหนาวสั่นควรนำผ้าห่มมาห่มให้หนาแต่เมื่ออาการลดลงแล้วก็ควรที่จะเอาผ้าห่มออกเพื่อให้เด็กนั้นนอนได้สบายตัวมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

     อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องของการเช็ดตัวของลูกน้อยในขณะที่ตัวร้อนนั้นคุณแม่ควรสังเกตลูกเป็นระยะซึ่งถ้าหากเมื่อใดก็ตามที่วัดไข้และอุณหภูมิขึ้นสูงถึง 38 องศาควรจะต้องรีบเช็ดตัวต่ำกว่าอุณหภูมิจะลดลงทุกครั้ง และอย่าลืมให้ลูกทานยาให้ตรงเวลา แต่ถ้าหากอาการยังไม่ดีขึ้น ควรพาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล 

 

สนับสนุนโดย.     แทงหวย

อย่าเพิ่งทานวุ้นเส้นถ้าคุณยังไม่รู้สิ่งนี้

หลายๆท่านมักชอบรับประทานวุ้นเส้นเพื่อลดความอ้วนกันใช่หรือไม่และเราก็จะพาไปดูความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวุ้นเส้นกันว่าจะมีอะไรบ้าง

ความเข้าใจผิดข้อที่หนึ่ง นั่นก็คือ ผู้ป่วยเบาหวานห้ามทานวุ้นเส้นเยอะเพราะว่าวุ้นเส้นมีคาร์โบไฮเดรตสูงมากๆ ซึ่งที่จริงแล้วแม้ว่าวุ้นเส้นจะทำมาจากถั่วเขียวก็มีคาร์โบไฮเดรตสูงไม่ใช่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรตต่ำเราก็เลยคิดว่าถ้าเป็นเบาหวานก็ห้ามทานวุ้นเส้นเพราะคาร์โบไฮเดรตสูง

นอกจกานี้แล้วคาร์โบไฮเดรตในวุ้นเส้นแม้จะสูงแต่เขาเป็นคาร์โบไฮเดรตที่มี ไกลซิมิกอินเด็กซ์ต่ำหรือไกลซิมิกอินเด็กซ์ประมาณ45เท่านั้นถามว่าเต็มร้อยเหลือ45ก็คือครึ่งเดียวเมื่อไกลซิมิกอินเด็กซ์ต่ำจะทำให้เวลาที่เรารับประทานเข้าไปน้ำตาลในเลือดมันจะไม่พุ่งสูงเร็ว

ดังนั้นตัวอินซูลินของเราก็จะไม่พุ่งสูงเร็วแบบนี้จะทำให้ภาวะเบาหวานไม่ได้แย่ลงมากนักถามว่าทานได้ไหมทานได้ไม่อันตรายถ้าสมมุติว่าเทียบกับทานข้าวขาวๆเลยขนมปังขาวต้องขัดสีเยอะๆพวกนี้ไกลซิมิกอินเด็กซ์เยอะมากเลยทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเร็วแล้วก็อินซูลินพุ่งขึ้นเร็วแบบนี้มีโอกาสเสี่ยงเบาหวานสูงแล้วผู้ที่เป็นเบาหวานก็จะยิ่งแย่ลง

เพราะฉะนั้นแล้วผู้ป่วยเบาหวานที่จะควบคุมเบาหวานถาให้เลือกทานวุ้นเส้นกับทานข้าวขาวก็เป็นวุ้นเส้นน่าจะเป้นทางออกที่ดีกว่าหรือจะทานอย่างอื่นก็ได้เช่น ขาวกล้องก็ได้ ข้าวไรซ์เบอร์รี่แบบนี้จะคุมน้ำตาลได้ดีกว่าทานข้าวที่ขัดสีอย่างดีอันนี้ก็แนะนำเลยสำหรับผู้ป่วยเบาหวานนั่นเอง

ความเชื่อผิดๆข้อที่สอง นั่นก็คือ วุ้นเส้นไม่มีใยอาหาร บางคนก้คิดว่าวุ้นเส้นนั้นมันเหมือนแป้งมันแบบไม่น่าจะมีเส้นใยอาหารหรือเปล่าก็ต้องบอกอย่างนี้วุ้นเส้นจริงๆแล้วมีเส้นใยอาหารดีพอสมควรก็คือวุ้นเส้นประมาณ100กรัมมีเส้นใยอาหารประมาณ0.5กรัมก็ถือว่าประมาณ2%ของร่างกายที่จะต้องการต่อวันถึงแม้ว่าจะเป็นแค่2%แต่ถือว่ามันก็ยังมีใยอาหารอยู่พอสมควร

ดังนั้นจึงถือว่าเป็นสิ่งที่ดีอาหารที่ดีถ้าเกิดท่านจะทานวุ้นเส้นเพื่อควบคุมน้ำหนักเราก็แนะนำเพียงแต่ว่าวุ้นเส้นจะต้องไม่ปรุงมากจนเกินเหตุบางทีเราไปลดตรงวุ้นเส้นแต่เราไปเพิ่มตรงอย่างอื่นมากเกินไปเช่น การปรุงรสที่มีน้ำตาลมากๆอะไรแบบนี้มันก็กลายเป็นแย่ลไปมากกว่าเดิมเพราะฉะนั้นแล้วจะต้องรับประทานวุ้นเส้นพวกนี้อย่างเหมาะสมที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งจนมากเกินไปทำให้ร่างกายของคุณแย่ลงไปอีก

 

สนับสนุนโดย.    แทงหวย

วิธีในการกินอาหารที่จะทำให้เรามีการหิวที่น้อยมากที่สุด

การที่เราได้มีการลดน้ำหนักนั้น เราจำเป็นที่จะต้องมีการคำนวณสิ่งที่ต้องกินแคลอรี่ที่เราจำเป็นที่จะได้รับต่อวัน เพื่อที่จะทำให้เราสามารถที่จะทำการควบคุมน้ำหนักตัวของเราได้ดีที่สุด และทำให้น้ำหนักตัวของเรามีการลดลงด้วย ซึ่งในการที่เราได้มีการกินอาหารที่น้อยลง และจำเป็นที่จะต้องมีการกินอาหารอย่างจำกัด จะทำให้เราเกิดอาการหิวได้ง่ายมากๆ และจะทำให้เรามีการกินอาหารเข้าไปเพิ่ม ซึ่งจะมีอาการนี้เกิดมากๆในช่วงกลางคืนหรือดึกๆด้วย ซึ่งจะมีวิธีในการกินอาหารที่ทำให้เราจะไม่หิว หรืออาหารที่เราได้มีการกินเข้าไปจะอยู่ท้องได้ดี โดยที่ทำให้เราไม่เกิดอาการหิวในตอนกลางคืน จะมีวิธีในการกินอาหารดังนี้

  1. การที่เราจะรู้ว่าเราอยากกิน หรือเราหิว

การที่เราได้มีการลดน้ำหนักนั้น เราจะมีอาการที่ใกล้เคียงกันก็คือ อาการหิว หรือ อาการที่เราอยากกินสิ่งต่างๆ ซึ่งจะเกิดจากการที่ตอนที่เราไม่ได้ลดน้ำหนักแล้วมีการกินทุกอย่างโดยที่ไม่ได้มีการคุมอาหาร หรือก็คืออาการเคยชิน ซึ่งวิธีในการที่เราจะแก้อาการนี้ก็คือการที่เราจะทำการนึกก่อนว่าอาหารที่เราได้มีการกินเข้าไปล่าสุดนั้น เราได้มีการกินไปเมื่อไหร่ ซึ่งถ้าเราอยากที่จะมีการอยากกินเป็นมื้อย่อยๆ เราควรที่จะมีการมองข้ามมื้อนี้ไปก่อน เพราะว่าเป็นมื้อที่ไม่ค่อยจะมีความจำเป็น

  1. การที่เราจะทำการกินอาหารที่มีโปรตีนสูง และมีกากใยอาหารที่สูง

โปรตีนจะเป็นอาหารที่กินเข้าไปแล้วเกิดการอยู่ท้องมากกว่าอาหารชนิดอื่นๆ ซึ่งโปรตีนจะมีเวลาย่อยที่นานมากถึง4-6ชั่วโมง และอาหารที่เป็นจำพวกคาร์โบไฮเดรต แป้ง น้ำตาล จะมีเวลาที่ใช้ในการย่อยที่เร็ว ซึ่งจะมีการย่อยใช้เวลาเพียงแค่ประมาณ 4ชั่วโมง ซึ่งโปรตีนต่างๆจะทำให้เราไม่เกิดอาการหิวในตอนดึกหรือตอนกลางคืน

3.การที่เราจะทำการแบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อย่อยๆ

การที่เราไม่ได้มีเวลาในการกินอาหารให้ครบ3เวลานั้น เราจะสามารถที่จะทำการแบ่งเป็นมื้อย่อยๆได้ โดยที่เราจะทำการแบ่งอาหารเป็น4-6มื้อแทนการที่เราจะทำการกินไปทีเดียว3มื้อ ซึ่งในวิธีในการกินอาหารด้วยวิธีการกินอาหารแบบนี้จะทำให้เรามีการกินเพื่อไม่ให้เราเกิดอาการหิวในตอนกลางคืนได้เป็นอย่างดี แต่เราไม่ควรที่จะมีการกินอาหารที่เยอะมากจนเกินไปด้วย

 

สนับสนุนโดย.    แทงหวย

หน้าที่ของไตภายในร่างกายของเรา

ซึ่งเราจะมาให้ความรู้ของไตและหน้าที่ของไตว่าไตนั้นมีหน้าที่อะไรบ้างและถ้าเราไม่มีไตขึ้นมามันจะเกิดปัญหาอะไรบ้างเพราะว่าถ้าเกิดไม่มีไตหน้าที่ที่มันทำงานอยู่มันก็จะมีปัญหานั่นเองปกติไตของเรามีอยู่สองข้างจะมีข้างซ้ายแล้วก็ข้างขวาถ้าสมมุติว่าไตของท่านหายไปหนึ่งข้างมีเหลืออยู่ข้างเดียวก็ใช้ชีวิตได้เหมือนปกติก็เกิดการทำงานของไตก็ได้ประมาณ100%เท่าเดิมไม่ได้แตกต่างเลยยกเว้นว่าไตของคุณหายไปทั้งสองข้าง

ดังนั้นแบบนี้แหละจำเป็นที่จะต้องรับการรักษาโดยการรักษาบำบัดไตเช่นการฟอกไตการเปลี่ยนไตการล้างไตทางหน้าท้องฉะนั้นเรามาดูหน้าที่ของไตกันบ้างว่าถ้าเราไม่มีไตแล้วเราจะเป็นอย่างไรหน้าที่ของไตมีหลักๆอยู่ประมาณ4อย่าง ข้อแรกคือขับของเสียต่างๆผ่านทางปัสสาวะของเราก็คือที่เราปัสสาวะออกมาไตเขาทำงานเอาเลือดมากรองแล้วก็เอาปัสสาวะทิ้งไปนี่คือหน้าที่แรกเอาของเสียต่างๆออกไปเอาของดีเก็บเข้าไว้ในร่างกาย

นอกจากนี้ในข้อที่สองนั่นก็คือควบคุมปริมาณเกลือแร่และแร่ธาตุต่างๆในร่างกายดังนั้นถ้าไตเสียเกลือแร่ต่างๆในร่างกายจะมีปัญหาแร่ธาตุต่างๆในร่างกายจะมีปัญหาโพแทสเซียมจะขับออกไม่ได้สามารถกระตุ้นทำให้หัวใจทำงานผิดปกติได้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้ฟอสฟอรัสสูงทำให้ฟอสฟอรัสคลั่งในร่างกายทำให้คันไปทั้งตัวทำให้มีผิวดำค้ำไปทั้งตัวได้

เนื่องจากนี้ข้อที่สามผลิตฮอร์โมนอีริโทรโพอิตินที่ช่วยกระตุ้นในการสร้างเม็ดเลือดแดงหมายความว่าถ้าท่านไม่มีไตทั้งสองข้างหรือไตเสื่อมทั้งสองข้างการผลิตเม็ดเลือดแดงจะมีปัญหาจะทำให้เกิดเลือดจางนั่นเองเพราฉะนั้นผู้ป่วยที่ไตวายเรื้อรัก็มักจะต้องได้รับเลือดบ้างหรือได้รับยากระตุ้นในการสร้างเม็ดเลือดไม่อย่างนั้นเลือดจะจางไม่มีแรงจะทำงานทำการอะไรเลย

ซึ่งหน้าที่ในข้อที่สี่ก็คือผลิตฮอร์โมนแล้วก็วิตามินที่เสริมสร้างกระดูกเพราฉะนั้นผู้ป่วยไตวายเรื้อรังมักจะมีปัญหากระดูกพรุนแต่เรื่องการซื้อแคลเซียมทานเสริมเองเราไม่ค่อยแนะนำในผู้ป่วยไตวานเรื้อรังอยากจะให้ปรึกษาคุณหมอเพราะว่ามันจะมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของฮอร์โมนต่างๆเรื่องของต่อมพาราไทรอยด์อย่าไปหื้อยามารับประทานกันเอง

โดยผู้ป่วยที่ได้เป็นโรคไตวายเรื้อรังเราขอแนะนำเลยว่าอย่าไปหาซื้อยามารับประทานเองอย่าซื้อยาที่เสริมอะไรอย่าไปซื้อยาวิตามินอะไรเอามารับประทานเองคุณควรไปหาคุณหมอโรคไตให้หมอโรคไตสั่งให้จะดีกว่าและปลอดภัยกว่าด้วย

 

สนับสนุนโดย.    ชุดตรวจ hiv

โรคซึมเศร้า ส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างไร

โรคซึมเศร้า เป็นภาวะทางด้านจิตเวชที่มักพบเจอได้บ่อยเป็นอันดับต้นเลยก็ว่า โดยโรคนี้จะเป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้โดยที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบไปทางด้านร่างกาย ความคิด จิตใจ รวมไปถึงทางด้านอารมณ์ด้วย ซึ่งปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้อาจส่งผลเสียทำในการดำเนินชีวิตไปในแต่ละวันด้วย ทำให้ผู้ที่ตกอยู่ในสภาวะนี้มีความรู้สึกที่ย่ำแย่ มีความรู้สึกระแวงอยู่ตลอดเวลา

โรคซึมเศร้า ฟังดูชื่อแล้วไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นกับตนเองหรอก เพราะมันน่ากลัวกว่าที่คุณคิด หากผู้ที่ตกอยู่ในสภาวะนี้จะรู้ดีว่ามันโหดร้ายมากแค่ไหน ดังนั้น วันนี้อยากมาบอกว่าให้ทุกคนได้รู้ว่า โรคซึมเศร้านั้นส่งผลเสียต่อร่างหาย หรือสภาพจิตใจของเราได้อย่างไรบ้าง โหดร้ายมากแค่ไหนกันและส่งผลเสียต่อคนข้างมากแค่ไหน ไปดูกันเลย

  • การมีสมาธิที่แย่ลง ผู้ที่ตกอยู่ในสภาวะนี้ อาจจะมีความหลง ๆ ลืม ๆ โดยเฉพาะเรื่องราวที่เกิดขึ้นใหม่ ๆ เพราะโรคนี้หากได้เกิดขึ้นกับใครแล้ว ผู้ป่วยจะมีความรู้สึกที่หวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา หรือบางคนอาจชอบความเป็นส่วนตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร เพราะจิตใจอาจเหม่อลอย ทำอะไรไม่ได้นานเพราะเนื่องจากไม่มีสมาธิ อ่านหนังสือก็ไม่รู้เรื่อง จนทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของร่างกายแย่ลงเรื่อย ๆ 
  • อารมณ์แปรปรวน ส่วนใหญ่คนที่ตกอยู่ในสภาวะนี้มักจะมีอาการอารมณ์แปรปรวน อารมณ์เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ส่วนที่มักพบเจอกันได้บ่อยคือ รู้สึกหดหู่ สะเทือนใจได้ง่าย อ่อนไหวง่าย ร้องไห้โดยไม่มีสาเหตุ บางคนอาจรู้สึกเศร้า หรือบางคนอาจมีความรู้สึกที่เบื่อหน่ายได้ง่าย 
  • อาการโรคจิต อาการนี้จะเกิดขึ้นได้กับผู้ที่ตกอยู่ในสภาวะขั้นรุนแรง ผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้ามากแล้วส่วนใหญ่จะยังพบอีกว่า มีอาการของโรคจิตเพิ่มขึ้นมาด้วย อาการเหล่านี้จะมีผลข้างเคียงต่อระบบประสาทร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม อาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นเพียงอาการที่เกิดขึ้นชั่ววูบก็เท่านั้น หากผู้ป่วยโรคซึมเศร้าไม่เข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธี อาจทำให้อาการแทรกซ้อนเหล่านี้หนักมากขึ้นกวาเดิม 
  • ความสัมพันธ์ต่อคนรอบข้าง อย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีว่า ผู้ที่เป็นโรคนี้มักจะมีอาการซึม ไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน จะเก็บตัวมากขึ้น บางคนถึงขั้นไม่พูดไม่จากับใครเลย พฤติกรรมเหล่านี้จะเปลี่ยนไปตามสภาพจิตใจของผู้ป่วยโรคนี้ แต่หากเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง ก็อาจช่วยให้อาการทุเลาลงได้ ดังนั้น หากเกิดความเครียดมาก ๆ ก็ควรหาเวลาว่างทำให้จิตใจตนเองรู้สึกผ่อนคลาย ทำให้จิตใจปลอดโปร่งขึ้น จะสามารถบรรเทาลงได้

 

สนับสนุนโดย    หวยจับยี่กี

การลดความเสี่ยงไม่ให้สิวขึ้นที่ใบหน้าหลังจากที่มีการใส่แมส

          เชื่อว่าใครหลายคนอาจจะเคยประสบกับปัญหาว่าเวลาใส่หน้ากากอนามัยหรือว่าใส่แมสแล้วนั้นมักจะมีปัญหาเรื่องของสิวเกิดขึ้นที่ใบหน้าของคุณซึ่งแน่นอนว่าหากมีสิวขึ้นที่ใบหน้าแล้วเราก็ปัญหาในการรักษาสิวกว่าจะหายนั้นกินระยะเวลานานมากเลยทีเดียวดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการลดความเสี่ยงเพื่อไม่ให้ผิวของเรานั้นมีสิวขึ้นที่ใบหน้าหลังจากที่เราจำเป็นที่จะต้องใส่หน้ากากอนามัยหรือใส่แมสนั่นเอง

         สำหรับวิธีการแรกเลยก็คือให้คุณล้างมือให้สะอาดให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนที่คุณจะใช้มือของคนนั้นไปจับที่ใบหน้าของคนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำความสะอาดมือด้วยการล้างมือเสียก่อนเพราะมือของคุณนั้นอาจจะไปจับสิ่งสกปรกมา

             และถ้าหากเราไม่ล้างมือแล้วจับไปที่ใบหน้าของเราสิ่งสกปรกนั้นก็จะติดไปที่ใบหน้าของเรานั่นเองดังนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือควรจะต้องมีการล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสที่ใบหน้าและควรจะต้องมีการล้างหน้าให้สะอาดที่สำคัญล้างล้างหน้าแล้วอย่าลืมบำรุงผิวด้วยครีมบำรุงผิว

         แล้วเมื่อเรารู้ว่าเวลาที่เราใส่แมสหรือใส่หน้ากากอนามัยวันนั้นเรามักจะมีปัญหาในเรื่องของสิวเกิดขึ้นนั่นแสดงว่าเราอาจจะมีปัญหาในเรื่องของการใช้หน้ากากอนามัยก็ได้และนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือควรจะมีการเปลี่ยนหน้ากากอนามัยหรือนำหน้ากากอนามัยไปซักทำความสะอาด 

            เพราะเวลาที่เราใส่หน้ากากอนามัยนั้นมักจะมีเหงื่อออกและหน้ากากอนามัยก็จะมีการปั้นเหยื่อซึ่งทำให้เกิดความชื้นได้ดังนั้นเมื่อเราใส่หน้ากากอนามัยแบบเดิมซ้ำๆจะทำให้ความชื้นนั้นสะสมและหมักหมมทำให้มีเชื้อโรคต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัสนั่นเองซึ่งมันจะส่งผลทำให้เรามีปัญหาสิวขึ้นที่ใบหน้าได้

          และที่สำคัญช่วงที่ใส่หน้ากากอนามัยนั้นคุณไม่จำเป็นที่จะต้องแต่งหน้าเลยเพราะหน้ากากอนามัยนั้นเสมอทั้งใบหน้าของคุณอยู่แล้วดังนั้นปล่อยให้เวรหน้าของคุณนั้นโล่งสบายเพราะถ้าหากมีการแต่งหน้าแล้วใส่หน้ากากอนามัยเวลาเหงื่อออกจะทำให้เครื่องสำอางของคุณนั้นไปอุดตันบริเวณผิวบนใบหน้าของคุณทำให้เกิดสิวขึ้นได้ง่ายนั่นเอง 

         นอกจากนี้ถ้าใครไม่สามารถที่จะงดการใช้เครื่องสำอางได้แล้วก็คุณควรมีการเลือกใช้เครื่องสำอางโดยคุณสมบัติของตัวเครื่องสำอางนั้นจะต้องไม่มีส่วนผสมของน้ำมันเพื่อช่วยลดปัญหาความมันที่จะเกิดขึ้นบนใบหน้าของคนหลังจากที่มีการแต่งหน้าเรียบร้อยแล้วนั่นเองเพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เป็นหน้าของคุณนั้นมีความมันมากจนเกินไปสิ่งที่ตามมาก็คือปัญหาเรื่องของสิวอุดตันที่ใบหน้าได้นั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย    หวยฮานอยย้อนหลัง

เคล็ดลับที่จะช่วยป้องกันหน้ามืดเวียนศีรษะ

สำหรับข้อแรกที่จะทำให้อาการเวียนศีรษะนั้นดีขึ้นคือ อมลูกอม ถามว่าอมลูกอมแล้วมันจะช่วยอะไรหลายๆคนคนไข้หลายๆท่านมีภาวะน้ำตาลต่ำจึงทำให้มีอาการหน้ามืดเป็นลมเวียนศีรษะน้ำตาลต่ำสามารถทำให้ผู้ป่วยแค่หน้ามืดเป็นลมหรือแค่ภาวะช็อกเสียชีวิตได้เลยอันตรายจริงๆ

เพราะฉะนั้นแล้วผู้ป่วยที่หน้ามืดเป้นลมโดยเฉพาะเป็นเบาหวานได้รับยาเบาหวานอยู่ควรจะพกลูกอมเอาไว้อยู่เสมอเวลาหน้ามืดให้อมลูกอมอาการก็จะดีขึ้นรอดพ้นจากการเสียชีวิตอย่างคาดไม่ถึง

สำหรับอาการข้อที่สองเป็นสิ่งที่ควรทำมากๆเพื่อให้อาการเวียนศีรษะหรือว่าอาการหน้ามืดเป็นลมน้อยลงคืออะไร ก็คือ การนอนให้เพียงพอพบได้เลยพบส่วนใหญ่เลยว่าผู้ป่วยที่หน้ามืดเป็นลมเวียนหัวเกิดจากภาวะนอนไม่พอ นอนไม่พอสะสมทำให้เกิดภาวะหน้ามืดเป็นลมได้เยอะมากเวียนศีรษะได้เยอะมาก

ดังนั้นการนอนสำคัญมากๆสมมุติว่าเราจะให้เลือกสุขภาพจะทำอะไรก่อนดีออกกำลังกายทานอาการดีๆไปเที่ยวให้ผ่อนคลายหรือนอนก่อนเราบอกเลยว่าต้องเลือดนอนก่อน

ซึ่งการนอนให้ดีการนอนอย่างน้อยวันละ8ชั่วโมงประมาณ7-9ชั่วโมงเฉลี่ยก็คือ8ชั่วโมงจะทำให้ร่างกายของท่านสดชื่นความดันอยู่ในภาวะปกติฮอร์ดมนความเครียดก็หลั่งน้อยทุกอย่างก็จะดีหมดเมื่อความดันอยู่ในภาวะปกติความเครียดไม่ค่อยมีอาการเวียนศีรษะอาการเวียนหัวอาการหน้ามืดเป็นลมก็จะลดลงอย่างชัดเจน

เพราะฉะนั้นแล้วการนอนให้เพียงพอถือว่ามีความสำคัญมากที่สุดและช่วงเวลาที่เราอยากให้นอนมากๆก็คือช่วง4ทุ่มถึง6โมงเช้าช่วง4ทุ่มถึงตี2เป็นเวลานอนที่ดีจริงๆเพราะว่าโกรทฮอร์โมนหลั่งเมื่อเราได้นอนช่วงนี้เราจะสดใสเราจะอ่อนวัยกว่าเดิมเราจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงแต่4ช่วงโมงยังไม่พอเราต้องนอนต่อไปอีก4ชั่วโมงไปตื่นตอน6โมงเช้าก็จะครบ8ชั่วโมงพอดีก็จะเป็นการนอนที่ยอมเยี่ยมและเหมาะสมกับชีวิตคนทั่วไป

สำหรับข้อที่สามก็คือ อย่าพยายามขยับร่างกายเร็ว ต้องบอกว่าโดยส่วนใหญ่แล้วจะพบอาการแบบนี้ในผู้ป่วยสูงอายุคือผู้ป่วยสูงอายุถ้านอนอยู่หรือว่าลุกเร็วๆหรือนั่งอยู่ลุกขึ้นยืนเร็วๆจะหน้ามืด

เพราะว่าร่างกายไม่สามารถปรับตัวและส่งเลือดไปเลี้ยงสมองได้ทันแต่ถ้าเป็นหนุ่ยๆเด็กๆวัยรุ่นไม่เป็นไรร่างกายเราส่งเลือดไปเลี้ยงสมองได้ทันส่วนผู้ใหญ่ไม่ได้ยิ่งมีเริ่มมีอายุมากการลุกเร็วๆการวิ่งไปข้างหน้าเร็วๆจะทำให้คสามดันตกได้ง่ายความดันเลือดที่ไปเลี้ยงสมองไม่ค่อยดีนักแบบนี้ไม่แนะนำ

 

สนับสนุนโดย.    ผลหวยฮานอยวันนี้ออกตัวไหน

สุดยอดอาหารชะลอวัยให้หน้าใส

สำหรับเรื่องของอาหารที่จะช่วยชะลอวัยต้องบอกเลยว่าถ้าท่านอาหารอาหารที่ดีมีประโยชน์แม้ว่าท่านจะอายุเข้าเลข6แล้วผิวหน้าท่านจะอ่อนวัยเหมือนเริ่มต้นด้วยเลข4เท่านั้นคราวนี้เราจะขอพูดถึงอาหารที่เราชอบมากๆและมัมนจะช่วยชะลอวัยให้ท่านอย่างคาดไม่ถึงเลย

อาหารชนิดที่หนึ่งที่เราทาทนเป็นประจำนั่นก็คือ ควินัว นั่นเอง ก็ต้องบอกว่า ควินัวนาทีนี้เป็นอาหารที่เขาเรียกวาสสำหรับผู้ที่รักสุขภาพยอดฮิตเลยบางท่านอาจจะยังไม่เคยได้ยินแต่ต้องบอกเลยว่ามันเป็นสุดยอดอาหารเป็นซุปเปอร์ฟู้ดเลยเป็นพืชที่มีอายุยืนยาวมีประวัติมากว่า7,000กว่าปีแล้ว

ซึ่งในตัว ควินัวมีทั้งสารAnti-inflammatooryก็คือต้านการอักเสบลดการอักเสบเวลาเราต้านการอักเสบเราต้องบอกว่าบดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งด้วยนะ เพราะว่าการเป็นมะเร้งเกิดจากเซลล์เราอักเสบซ้ำแล้วซ้ำเล่าถ้าเราไปแก้ที่ต้นเหตุเรื่องของการอักเสบของเซลล์โอกาสที่เราจะเป็นมะเร็งก็ลดลงด้วย

นอกจากนี้ยังไม่พอ การอักเสบก็ทำให้หน้าเราแก่บ้างทำให้เราผิวเหี่ยวบ้างถ้ามันลดลงทุกอย่างมันก็ดีขึ้นไปตามกันไปหมดสารตัวควินัวมีสารชื่อว่า Antioxidantด้วยก็คือสารต้านอนุมูลอิสระนั่นเองก็จะทำให้ผิวพรรณชะลอวัยได้อย่างดีมากๆเลยเพราะฉะนั้นแล้วการทานควินัวถือว่าดีมากๆ

การทานควินัวมีเทคนิคการทานหลายอย่างจะหุงพร้อมกับข้าวก็ได้ถ้าเกิดท่านไหนยังไม่ชินนะเพราะมันจะกรุบๆแข็งๆนิดนึง ถ้าเกิดท่านไหนชินแล้วหุงทานแทนข้าวเลยแบบนี้ได้ไฟเบอร์เข้าไปเต็มๆลดการดูดซึมไขมันทำให้อิ่มเร็วควบคุมน้ำหนักได้ดีชะลอวัยได้อย่างยอดเยี่ยม

อาหารชนิดที่สองที่ชะช่วยชะลอวัยของท่านนั่นกก็คือขมิ้นชันนั่นเอง ขมิ้นชันสมุนไพรของไทย สมุนไพรของไทยตัวนี้มีสารที่ชื่อว่า Curcumipoid สารเคอร์คิวมินอยด์เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์แล้วก็มันจะทำให้ชะลอวัยต่างๆทำให้ร่างกายของเราอย่างสมบูรณ์แข็งแรงอ่อนกว่าวัย

เนื่องจากนี้ยังไม่พอ ในตัวขมิ้นชันก็ยังมีสารAnti-inflammatoryหรือว่าการลดการอักเสบต่างๆของเซลล์เพราะฉะนั้นแล้วการทานขมิ้นชันหรือว่าใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารต่างๆ ถือว่าช่วยให้ร่างกายของเราแข็งแรงมากขึ้นแล้วก็ทำให้เราดูอ่อนกว่าวัยด้วยเราจะมีผิวพรรณที่ดีดูมีสง่าดูสดชื่นไปทั้งร่างกายเห็นหรือไม่ขมิ้นชันเรามีคุณภาพดีแค่ไหน

 

สนับสนุนโดย  หาเงินจากหวยหุ้น